แผนส่งเสริมเอทานอลอินเดีย สามารถช่วยขับเคลื่อนทิศทางของตลาดน้ำตาลโลก
รัฐบาลอินเดียมีแผนที่จะเพิ่มการผสมเอทานอลในน้ำมันเบนซิน เพื่อลดมลพิษและลดค่าใช้จ่ายการนำเข้าน้ำมัน ซึ่งอาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดในตลาดน้ำตาลทั่วโลก นับตั้งแต่การปฏิรูปน้ำตาลของยุโรป และอาจผลักดันถึงความต้องการในตลาดน้ำตาลให้สูงขึ้น
จากรายงานที่เผยแพร่ของผู้ค้าอาหารและผู้ให้บริการห่วงโซ่อุปทานหรือกลุ่มซาร์นิโคว์ ได้ชี้ว่า โครงการเอทานอลของอินเดียจะส่งเสริมรัฐบาลให้ยุติการส่งออกน้ำตาลและยังลดปริมาณน้ำตาลที่ส่งออกไปนอกประเทศ ซึ่งปัจจุบันอินเดียยังเป็นผู้ผลิตรายใหญ่อันดับสองรองจากบราซิล
ด้านหัวหน้านักวิจัยของกลุ่มซาร์นิโคว์ นายสตีเฟน เกลดาร์ท ได้กล่าวไว้ในรายงานข้างต้นว่า แผนการของอินเดียที่จะผลักดันให้มีการผสมเอธานอล 20% กับน้ำมันเบนซิน ซึ่งจะดำเนินการโดยเร็วที่สุดภายในปี 2566 เมื่อเทียบกับปัจจุบัน ปริมาณเอทานอลที่ใช้กับน้ำมันเบนซิลเพียง 5% ที่จะนำไปสู่การผลิตเอทานอลจากน้ำอ้อยและกากน้ำตาล 6 พันล้านลิตร ซึ่งจะสามารถ “ลดการผลิตน้ำตาลในท้องถิ่นได้มากขึ้นกว่า 6 ล้านตัน”
ทั้งนี้นายสตีเฟน ยังกล่าวเสริมอีกว่า ภายในปี 2568 อินเดียจะเปลี่ยนจากการผลิตน้ำตาล 33 ล้านตันต่อปีเป็น 27 ล้านตันต่อปี เนื่องจากการบริโภคในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 25 ล้านตัน และมีแนวโน้มว่าจะเติบโตในอนาคต ดังนั้น อินเดียจะไม่เป็นผู้ผลิตและส่งออกน้ำตาลส่วนเกินรายใหญ่อีกต่อไป โดยที่นายสตีเฟนเปรียบเทียบกับกรณีของอินเดียกับการปฏิรูปนโยบายน้ำตาลของยุโรประหว่างปี 2545 ถึง 2551 เมื่อมีการลดเงินอุดหนุนเพื่อการส่งออกและการผลิตจะนำไปสู่การรวมตัวของตลาดน้ำตาลที่แข็งแกร่ง
รายงานข้างต้นยังแถลงว่า เนื่องจากอินเดียแนวโน้มที่จะเกิดจากความต้องการใช้น้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นภายในปี 2573 จึงต้องเร่งผลิตเอธานอลถึง 13 พันล้านลิตร เพื่อให้สอดคล้องกับการผสม E20 ทั้งนี้มีการเปลี่ยนเส้นทางการผลิตน้ำตาลมากถึง10 ล้านตัน นายสตีเฟนได้สรุปทิ้งท้ายว่า ตามที่ได้เห็นในปี 2551 ตลาดน้ำตาลโลกจะมีอุปทานน้อยลงและตอบสนองต่อราคามากขึ้น ทำให้ตลาดอินเดียแห่งนี้จะเป็นอีกหนึ่งในตลาดผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลกที่จะมีการปรับตัวได้ดีต่อการผลิตที่ลดลง