ในส่วนของเครื่องจักรกลการเกษตรอัจฉริยะ ผู้จัดจำหน่ายเครื่องผสมปุ๋ยอัตโนมัติและยานพาหนะการเกษตรไร้คนขับให้ข้อมูลว่า การผลิตทางการเกษตรยังคงสามารถดำเนินการได้ต่อเนื่องท่ามกลางโรคระบาดแน่นอน ยกตัวอย่างเช่น ในเมืองหนานหนิง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ยานพาหนะการเกษตรไร้คนขับได้เข้ามามีบทบาทช่วยเหลือเกษตรกรท้องถิ่นโดยการไถและหว่านเมล็ดพันธุ์ลงบนพื้นที่ไร่อ้อยขนาด 6.7 ตารางกิโลเมตรในระยะเวลาเพียง 8 วัน

เทคโนโลยีสมัยใหม่อย่าง Internet of Things (IoT) และ Big Data (ข้อมูลขนาดใหญ่) เป็นตัวสนับสนุนเกษตรอัจฉริยะอย่างมาก รวมไปถึงระบบการจัดการอัจฉริยะที่สามารถตรวจสอบดิน น้ำ การเติบโตของพืชในไร่แบบระบบไดนามิก ซึ่งพัฒนาโดยสถาบันภูมิศาสตร์ตะวันออกเฉียงเหนือและสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน เกษตรกรสามารถเข้าดูข้อมูลเพาะปลูกได้ง่ายดายผ่านโทรศัพท์มือถือ

“ทิศทางของกระแสดิจิทัลในภาคการเกษตรกำลังมาแรง เพราะในกลุ่มบริษัทต่างๆที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนี้ ยืนยันจะดำเนินงานต่อไปถึงแม้ว่าจะเกิดการระบาดของโรคก็ตาม และอาจจะกลายเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในอุตสาหกรรมนี้” กล่าวโดย Shen Bing ผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูง ประจำฝ่ายการเกษตรของบริษัทเครือ Sinochem ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ และเคมีภัณฑ์การเกษตรชั้นนำของจีน นอกจากนี้ กว่า 54 มณฑล ในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงของจีน ได้เข้าร่วมการค้าธุรกิจผ่านไลฟ์สดที่จัดขึ้นโดยเจ้าหน้าที่รัฐบาล และประสบผลสำเร็จในการดึงดูดผู้ชมมากกว่า 30 ล้านในต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา

“ผมไม่เชื่อว่าข้อตกลงทางการค้าจะส่งผลกระทบมากมายต่อความก้าวหน้าของประเทศจีน แต่คิดว่าอาจจะกลายเป็นความชัดเจนที่จีนต้องกำหนดเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ภายในประเทศ แต่ถ้าหากไม่คำนึงถึงในแง่ทางการค้าและการเมือง บริษัทสตาร์ทอัพอเมริกาและนักลงทุนส่วนใหญ่จะไม่ต้องการเดินทางมายังจีนเท่าไหร่นัก เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับเทคโนโลยีจะถูกสร้างซ้ำอีก” นาย Aaron Magenheim กล่าว

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้เปิดตัวแผนพัฒนาเกษตรกรรมดิจิทัลและการพัฒนาพื้นที่ชนบท ระยะปี 2562-2568 (Digital Agriculture and Rural Area Development Plan 2019 to 2025) มีการแถลงการณ์เกี่ยวกับแผนพัฒนานี้ว่า การพัฒนาโดยรวมของเกษตรกรรมดิจิทัลในพื้นที่ชนบทยังคงมีความล่าช้า และยังต้องเผชิญกับปัจจัยท้าทายจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตาม พรรคการเมืองรัฐบาลก็ยังคงตั้งเป้าหมายการทำให้พื้นที่ชนบทเข้าถึงดิจิทัลและสร้างเครือข่าย 5G ในพื้นที่เหล่านี้ แต่การนำความคิดริเริ่มนี้ก็สร้างความยากให้ไม่น้อย เพราะภายในปี พ.ศ. 2568 แผนพัฒนานี้ต้องรักษาเป้าหมายเศรษฐกิจดิจิทัลให้ถึง 15% ของมูลค่าเพิ่มทางการเกษตรกรรมจีน และสัดส่วนของสินค้าเกษตรที่จำหน่ายผ่านทางออนไลน์ควรสูงถึง 15% นอกจากนี้ ควรมีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ชนบทประมาน 70 เปอร์เซ็นต์ตามเส้นกำหนดการ

ประเทศจีนกำลังมองหา “หุ่นยนต์ทางการเกษตรรุ่นใหม่” ที่ใช้ประโยชน์ในเรื่องการสำรวจปลาใต้น้ำ การวินิจฉัยโรค ใช้งานในฟาร์มเพื่อเลี้ยงสัตว์และอื่นๆ ซึ่งการรวมตัวของเทคโนโลยี AI มีเพื่อปกป้องพืชผล สร้างภาพถ่ายทางอากาศ ติดตามคุณภาพผลผลิต ในขณะเดียวกัน รัฐบาลจีนก็ได้กำหนดให้เครื่องจักรกลการเกษตรมีการสนับสนุนอย่างจริงจัง ตัวอย่างเช่น Beidou (เป่ยโต่ว) ระบบดาวเทียมแผนที่นำทางของจีน เพราะแผนพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้จะเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อชาวเกษตรกรอย่างมาก และเป็นสิ่งชี้นำได้ว่าจะสามารถทำเกษตรได้ที่ไหน เมื่อไหร่ ขั้นตอนอย่างไร นอกจากนี้ การพัฒนาการทำแอปพลิเคชันธุรกรรมการเงินออนไลน์ในพื้นที่ชนบท ความปลอดภัยทางอาหาร ความโปร่งใสของห่วงโซ่การผลิต สิ่งเหล่านี้ก็เป็นส่วนที่ต้องได้รับการพัฒนาให้ก้าวหน้าขึ้นเช่นกัน

ประเทศจีนคือผู้นำเทคโนโลยี AgriTech มาประยุกต์ใช้ในประเทศ ถึงแม้ว่าการระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จะส่งผลในหลายๆประเทศ แต่สิ่งนี้ไม่ได้ส่งผลลบต่อภาคเกษตรกรรมในประเทศจีน เนื่องจากการจัดการที่มีประสิทธิภาพสูง อ้างอิงได้จากข้อมูลในไตรมาสแรกของปีทั้งๆที่เริ่มมีการระบาดของไวรัส ทำให้ยืนยันได้ว่าภาคเกษตรกรรมจีนมีความเสถียรภาพ และสามารถเป็นสิ่งสนับสนุนและควบคุมการระบาดไวรัสในจีนและมีการพัฒนาโดยรวมเป็นไปได้ด้วยดี ยิ่งไปกว่านั้น การมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยก็เป็นสิ่งที่ช่วยส่งเสริมการเกษตรอัจฉริยะ รวมไปถึงแผนพัฒนาเกษตรกรรมดิจิทัลและพื้นที่ชนบทของรัฐบาลอีกด้วย ทำให้ปัจจัยเหล่านี้คือคำตอบว่าทำไมภาคเกษตรกรรมของจีนยังคงมีความแข็งแกร่งท่ามกลางการระบาดของไวรัสโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่