เวียดนามเล็งลดอัตราภาษีนำเข้าเอทานอล เพื่อการเข้าถึงตลาดเชื้อเพลิงภายในประเทศ
ประเทศเวียดนาม เล็งสร้างโอกาสการนำเข้าเอทานอลจากสหรัฐอเมริกา โดยลดอัตราภาษีนำเข้าเอทานอลถึงห้าเปอร์เซ็นต์ โดยความร่วมมือทางการค้าทั้งสองประเทศนี้ สามารถสร้างผลประโยชน์ที่ดีได้ทั้งสองฝ่าย เพราะสหรัฐอเมริกาสามารถเพิ่มโอกาสส่งออกเอทานอลได้ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อธุรกิจการเกษตรต่างๆ รวมถึงเกษตรกรในประเทศเองด้วย ส่วนประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเวียดนาม ก็จะสามารถเข้าถึงการบรรลุเป้าหมายระดับประเทศ ในนำเชื้อเพลิงเอทานอลมาผสมในน้ำมันในอัตราสูงสุดถึง 10 เปอร์เซ็นต์
“การลดอัตราภาษีเชื้อเพลิงเอทานอล มีจุดมุ่งหมายเพื่อดันศักยภาพการค้าไปยังตลาดเวียดนาม ในปริมานเอทานอล 170 ล้านแกลลอนที่ยังขาดเเคลนอยู่ (ปริมาน 60.3 ล้านบุชเชลเทียบเท่ากับเอทานอลจากข้าวโพด) ในขณะเดียวก็มีการสนับสนุนรายได้ภาษีของเวียดนามไปด้วย” มาดูเอล ซานเชซ ผู้อำนวยการฝ่ายภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สภาธัญพืชแห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. Grains Council) กล่าว “การเพิ่มการนำเข้าเอทานอล จะช่วยสนับสนุนเวียดนามในการบรรลุเป้าหมายผสมน้ำมัน E10 ทั่วประเทศ และเป็นแรงจูงใจให้อุตสาหกรรมเพิ่มการผลิตและจัดจำหน่าย”
อุตสาหกรรมเอทานอลเวียดนาม ในเเง่ของการจัดหาผลผลิตในท้องถิ่น ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการทั้งหมดเพื่อให้บรรลุมาตรฐานการผสมเอทานอลได้ ดังนั้น เวียดนามจึงต้องพึ่งพิงการค้าเหมือนกับประเทศอื่นๆเพื่อสนองนโยบายในประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้ การนำเข้าต้องเสียภาษีถึง 17 เปอร์เซ็นต์สำหรับเอทานอลเกรดบริสุทธิ์ 100 เปอร์เซ็นต์ และภาษีอีก 20 เปอร์เซ็นต์สำหรับเอทานอลเกรดบริสุทธิ์ 99 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้ สภาเมล็ดพันธุ์พืช และสำนักงานทูตเกษตรภายใต้ตัวแทนของกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้เข้าร่วมหารือกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า เเละกระทรวงการคลังของเวียดนามในประเด็นการลดอัตราภาษี ตามหลักการปฏิบัติต่อสินค้าจากประเทศสมาชิกอย่างเท่าเทียมกัน (MFN) เพื่อเข้าถึงการค้าในอัตราภาษีที่ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งสภาธัญพืชสหรัฐอเมริกา ได้มีการร่วมงานกับรัฐบาลเวียดนามเกี่ยวอุตสาหกรรมเอทานอลมาหลายปีเเล้ว ทำให้เห็นว่า เวียดนามได้มีนโยบายน้ำมัน E5 มาตั้งเเต่ พ.ศ. 2561 เเละเคยส่งคณะผู้เเทนเข้าร่วมประชุมงาน Ethanol Summit of the Asia-Pacific เเละงาน Global Ethanol Summit ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยสมาคมการค้า Growth Energy เเละสมาคมพลังงานทดแทน
ขณะนี้ นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้ลงนามในพระราชกฤษฎีกาที่ 27 ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อลดอัตราภาษีตามหลัก MFN สำหรับการนำเข้าสินค้าการเกษตร ซึ่งรวมถึงเอทานอลด้วยเช่นกัน ในขณะที่ทางสภาธัญพืชก็ได้มีการลดภาษีในสินค้าจำพวกสารอะโรเมติกไฮโดรคาร์บอน เเละปิโตรเคมีที่มีค่าออกซิเจนเป็นองค์ประกอบ เเละได้มีการลดภาษี 15 เปอร์เซ็นต์ สำหรับเอทานอลเกรดบริสุทธิ์ 100 เปอร์เซ็นต์ เเละเอทานอลเกรดบริสุทธิ์เกรด 99 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งการลดภาษีสูงสุดจะนำไปใช้กับสินค้าโภคภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในช่วงการตรวจสอบ โดยจะมีผลบังคับใช้ในเดือนกรกฎาคมปีนี้
ในช่วงที่ผ่านมา ความต้องการน้ำมันเบนซินได้ลดลงถึง 30% ระหว่างการล็อคดาวน์ประเทศ แต่คาดว่าการบริโภคจะกลับสู่ระดับปกติ หลังจากการเปิดประเทศทั้งในเวียดนามเเละประเทศอื่นๆ ส่วนในระยะยาว คาดว่าการบริโภคน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้นเกือบ 15 เปอร์เซ็นต์ในอีกห้าปีข้างหน้า ในระดับที่ 2.38 พันล้านแกลลอน ภายในปี 2566
ซานเชซ กล่าวว่า “ทางสภาเมล็ดพันธุ์พืชแห่งสหรัฐฯ จะยังคงทำงานอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าร่วมกับหน่วยงาน เเละพันธมิตรต่างๆ ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนาแผนงานระดับชาตินี้ให้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน เพื่อนำน้ำมัน E10 ไปใช้ทั่วประเทศ เเละยังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการเติบโต และดันมั่นคงในตลาดเอทานอลของเวียดนาม ผ่านการลดอัตราภาษีตามหลัก MFN เพื่อเข้าถึงตลาดในเวียดนาม และตลาดอื่นๆทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”