บราซิลจะสร้างโรงผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืนในประเทศ โดยได้รับการสนับสนุนจาก Shell
บริษัทไรเซน ผู้ผลิตเอทานอลจากอ้อยรายใหญ่ที่สุดในโลก กำลังพิจารณาขายพันธบัตรเพื่อวัตถุประสงค์ในการสร้างประโยชน์ให้กับสิ่งแวดล้อม ข้อมูลอ้างอิงจากผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน
บริษัทเตรียมดำเนินการผ่านบริษัทลูกอย่าง บริษัท ไรเซน ฟูเอล ไฟแนนซ์ (Raízen Fuels Finance) ที่ได้ขอให้กลุ่มธนาคารดำเนินการประชุมทางโทรศัพท์กับนักลงทุน เพื่อให้เลือกลงทุนในตราสารหนี้นี้ โดยเริ่มดำเนินการเมื่อวันจันทร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ ข้อมูลจากผู้ไม่ประสงค์ออกนาม
ตามเอกสารที่เผยแพร่ในปี 65 มีการชี้แจงว่า บริษัทมีแผนที่จะขายตราสารหนี้สำหรับการจัดหาเงินทุน เพื่อนำไปใช้ในโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รายได้จากโครงการเหล่านี้จะนำไปใช้ในการพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานของโรงงานผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพจากอ้อย และนำไปลงทุนซื้อเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
และตัวแทนบริษัทไรเซนปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
ในปีนี้ บริษัทในทวีปอเมริกาลาตินและรัฐบาลได้เข้าร่วมการซื้อขายหุ้นที่มีความยั่งยืนระดับโลกอย่างเร่งด่วน ผู้กู้ในภูมิภาคนี้ระดมทุนมากถึงประมาณ 6.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการขายพันธบัตร อีเอสจี (ESG) โดยปล่อยขายในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและเงินสกุลยูโร เริ่มต้นขายในปี 67 ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ ซึ่งยอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่าสามเท่าจากการขายในช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา อ้างอิงข้อมูลจากสำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg)
ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ บริษัทไรเซน ฟูเอล ไฟแนนซ์ เริ่มข้อเสนอให้ซื้อหุ้น (ตั๋วหนี้) ที่ต้องชำระเงินในปี 2570 ซึ่งออกโดย บริษัทไรเซน ฟูเอล (Raizen Fuels) โดยมีด้วยอัตราดอกเบี้ย 5.3% อีกด้วย
ไรเซนกำลังเปลี่ยนไปใช้กากอ้อยเพื่อผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพแทนการเผาทิ้ง เพื่อผลิตไฟฟ้าและนำไปใช้ในกระบวนการอุตสาหกรรมของบริษัทเอง ไรเซนกล่าวไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า กำลังพิจารณาการสร้างโรงงานผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนในประเทศบราซิล ด้วยประเทศบราซิลเป็นประเทศที่ปลูกอ้อยมากที่สุด เพื่อตอบสนองกับการผลิตเชื้อเพลิงที่ต้องใช้ปริมาณอ้อยและผลิตภัณฑ์ที่เป็นผลพลอยทางการเกษตร เช่น กากอ้อยเป็นจำนวนมาก
บริษัทฯ ซึ่งมีบริษัท เชลล์ (Shell Plc) เป็นเจ้าของและบริษัทโคซัน เอสเอ (Cosan SA) ได้รับเงินกู้ยืมสีเขียว (Green loan) เป็นจำนวน 300 ล้านยูโร จากกลุ่มธนาคารระหว่างประเทศที่นำโดย บีเอ็นพี พาริบาส์ เอสเอ (BNP Paribas SA) เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา