ปลูกอ้อยด้วยท่อนพันธุ์อย่างไรให้งอกงาม
หากมองย้อนกลับไปเมื่อเรายังเป็นเด็กนักเรียน ทางโรงเรียนมักจะให้ทดลองปลูกพืชทั่วไปที่เติบโตง่ายเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ ซึ่งได้รับการเรียนการสอนมาตั้งแต่ชั้นปีแรก ๆ ให้รู้จักการนำเมล็ดพันธุ์มาปลูก คอยเลี้ยงดูเมล็ดพันธุ์พืชเหล่านั้นจนเติบโตแตกหน่อเป็นสีเขียว เป็นกิจกรรมที่สนุกสนาน เด็ก ๆ มักจะตื่นเต้นเมื่อเริ่มเห็นเมล็ดพันธุ์พืชเริ่มแตกหน่องอกเงยเป็นสีเขียว แต่ยังมีเด็กบางคนที่อาจผิดหวังเมื่อพบว่าเมล็ดพันธุ์พืชที่ปลูกไปไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย หรือไม่ก็งอกออกมาเป็นพืชที่อ่อนแอจนเฉาตายไปเสียก่อน สร้างความรู้สึกผิดหวังที่อุตส่าห์ทุ่มเทไปแต่กลับสูญเปล่า แต่ถ้านักเรียนได้อาจารย์ดีก็จะได้รับการปลอบโยนให้พยายามใหม่อีกครั้งจวบจนกระทั่งสามารถปลูกพืชให้เจริญงอกงามได้สำเร็จทั้งในกระถางและจิตใจ
แล้วสำหรับเด็กที่โตมาเป็นเกษตรกรและเลือกที่จะปลูกพืชเป็นอาชีพอย่างจริงจัง ถามว่ามันแตกต่างจากสิ่งที่เราทำตอนที่อายุน้อยตรงไหน นี่ก็ไม่ได้ต่างจากพืชที่เราล้วนเคยปลูกในห้องเรียน ที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานจากการเพาะปลูกและเฝ้าเลี้ยงดูพืชให้งอกงาม แน่นอนว่าย่อมมีคนเห็นต่างและมองว่าเหล่าเกษตรกรหวังแต่ผลกำไร แต่จริง ๆ แล้วแม้จะมีเกษตรกรจำนวนมากที่สามารถทำเงินได้จากการนำผลิตผลไปขายในตลาด จิตวิญญาณของการเป็นนักเพาะปลูกก็ยังไม่สูญหายไปไหน ถ้าไม่เชื่อลองไปสัมผัสดูถึงความสุขใจของเหล่าเกษตรกรยามเมื่อพืชที่เพาะปลูกไว้เจริญงอกงามและแข็งแรง ลองสังเกตถึงความภาคภูมิใจยามเมื่อเพื่อนเกษตรกรด้วยกันเอ่ยปากชมว่าพืชที่เพาะปลูกไว้ให้ผลผลิตดีเลิศเพียงใด
ทั้งนี้การเพาะปลูกพืชในเชิงพาณิชย์ยิ่งจำเป็นต้องมีเมล็ดพันธุ์คุณภาพสูงกว่าในห้องเรียนที่เคยปลูกกันสมัยเด็ก เพื่อเพิ่มโอกาสให้พืชสามารถเจริญงอกงามและแตกหน่อได้หลังจากที่หว่านเมล็ดลงไปแล้ว อย่างที่ทราบกันดีว่าท่อนพันธุ์อ้อยที่ใช้คือลำต้นอ้อยที่นำมาสับเป็นท่อน แต่ทาง SAMART มีข้อได้เปรียบในฐานะผู้ผลิตเครื่องจักรทางการเกษตรตรง ที่ได้ร่วมงานและแลกเปลี่ยนความรู้กับบรรดาผู้ประกอบการมืออาชีพและเป็นผู้นำระดับแถวหน้าในอุตสาหกรรมการเกษตร เราจึงถือโอกาสในการเจาะลึกเรื่องท่อนพันธุ์อ้อยกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญระดับหัวกะทิเพื่อนำมาต่อยอดให้เกิดประโยชน์ยิ่งขึ้นไป


มีลูกค้าท่านหนึ่งของ SAMART ที่ได้เผยเคล็ดลับในการ “ขยายพันธุ์อ้อย” โดยก่อนหน้านี้เคยใช้วิธีวางอ้อยทั้งลำลงไปในร่องปลูกแล้วปล่อยให้อ้อยแตกตาและแตกกอเองตามธรรมชาติ แต่วิธีการวางนี้จะทำให้การเติบโตของต้นอ้อยถูกจำกัดไว้ตามลักษณะของข้ออ้อย (เส้นวงกลมที่ปรากฏให้เห็นตามลำต้นของอ้อย) โดยบริเวณของข้ออ้อยคือส่วนขยายพันธุ์ของอ้อย ที่ตาและหน่อของอ้อยจะเติบโตขึ้นมาบนฐานของข้ออ้อย ดังนั้นการวางอ้อยทั้งลำจะมีระยะห่างของข้ออ้อย ซึ่งเป็นเหตุให้การเติบโตของอ้อยต่อพื้นที่ 1 ไร่มีปริมาณจำกัด ในขณะเดียวกัน การขยายพันธุ์โดยใช้ท่อนพันธุ์อ้อยวางลงในร่องปลูกทำให้ข้ออ้อยอยู่ชิดกันมากกว่าวิธีวางอ้อยทั้งลำโดยที่ไม่ได้สับให้เป็นท่อน ๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลผลิตได้มากกว่า
ลูกค้าของเราเปิดเผยว่า ยิ่งเมื่อนำรถตัดอ้อยมาใช้ร่วมกับการขยายพันธุ์ด้วยท่อนพันธุ์อ้อยจะสามารถเพิ่มปริมาณของต้นอ้อยต่อพื้นที่ปลูก 1 ไร่ได้มากกว่าวิธีวางอ้อยทั้งลำถึง 20% เลยทีเดียว และหากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมด้วยจะช่วยเพิ่มความหนาแน่นของต้นอ้อยและน้ำหนักของผลผลิตอ้อยต่อพื้นที่เพาะปลูก 1 ไร่ให้สูงยิ่งขึ้นไปอีก โดยลูกค้าท่านนี้ของเรายังเล่าให้ฟังอีกว่าการขยายพันธุ์อ้อยด้วยวิธีวางอ้อยทั้งลำจำเป็นต้องมีการทำความสะอาดใบอ้อยอย่างละเอียดเพื่อป้องกันไม่ให้ต้นอ้อยเน่าจากเชื้อรา ซึ่งเป็นกระบวนการที่สิ้นเปลืองแรงงานมากจนเกษตรกรส่วนใหญ่พากันเบือนหน้าหนี
.jpg)
นอกจากนี้ยังมีลูกค้าท่านอื่น ๆ ของ SAMART ที่กล่าวถึงความสำคัญของ “ตาอ้อย” หลังจากที่ได้ดำเนินการเพาะปลูกท่อนพันธุ์อ้อยลงไปแล้ว แม้แต่ท่อนพันธุ์อ้อยที่ใช้เพื่อการเพาะปลูกในเชิงพาณิชย์ก็ไม่อาจหนีพ้นจากปัญหา “ตาอ้อย” เสียหายที่ส่งผลให้อ้อยไม่เจริญงอกงามได้ดีนัก หากถามว่าพอมีหนทางที่จะรับประกันผลผลิตจากท่อนพันธุ์อ้อยได้หรือไม่ ต้องตอบตามตรงว่าในชีวิตจริงย่อมไม่มีอะไรแน่นอน แต่ทั้งนี้จากบทเรียนที่เราเคยได้รับจากการทดลองปลูกพืชในห้องเรียนคือการเลือกใช้เมล็ดพันธุ์คุณภาพดีที่สุดย่อมมีโอกาสสำเร็จได้มากกว่า
งานวิจัยของศาสตราจารย์เจฟฟรี่ ฮอย ที่จัดทำขึ้นในปีพ.ศ. 2544 ณ เมือง บาตันรูจ ประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุไว้ว่ามีสารพัดปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความสำเร็จของการขยายพันธุ์ด้วยท่อนพันธุ์อ้อย โดยศาสตราจารย์ฮอยกล่าวว่า ความยาวของท่อนพันธุ์อ้อยเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเจริญงอกงาม ตามที่ได้มีการลงรายละเอียดไว้ในงานวิจัยว่า “ท่อนพันธุ์อ้อยทั่วไปที่ได้มาจากการเก็บเกี่ยวอ้อยจะมีความยาวประมาณ 10 นิ้ว (25 ซ.ม.) ซึ่งทางศาสตราจารย์ฮอยแนะนำให้ใช้ท่อนพันธุ์อ้อยที่มีความยาวมากกว่านั้นโดยอยู่ที่ราว ๆ “20 นิ้ว (50 ซ.ม.)”
แม้ว่าคำแนะนำของศาสตราจารย์ฮอยอาจจะสามารถนำไปใช้ได้จริง (เพราะถ้าว่ากันตามหลักแล้ว ยิ่งท่อนพันธุ์อ้อยมีความยาวมากขึ้นจะเพิ่มโอกาสที่จะมี “ตาอ้อย” งอกขึ้นมาอย่างน้อย 4 ตา) แต่ท่อนพันธุ์อ้อยที่มีความยาวถึง 20 นิ้วถือว่ายาวเกินไปถ้าจะนำมาใช้ในการปลูกอ้อยเชิงพาณิชย์และเสี่ยงที่จะเกิดการเหลือทิ้งเป็นจำนวนมหาศาล
ทั้งนี้งานวิจัยยังมีการตั้งข้อสังเกตที่น่าสนใจอีกประการคือ “จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องป้องกันไม่ให้ท่อนพันธุ์อ้อยเกิดความเสียหาย เนื่องด้วยเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของการเน่าสามารถลุกลามเข้าไปในเนื้อเยื่อของต้นอ้อยได้ผ่านทางรอยฉีกขาด”
ในช่วงต้นปี 2567 ทาง SAMART ได้เชิญนักปฐพีวิทยาจากสหรัฐอเมริกามาร่วมประเมินคุณภาพของท่อนพันธุ์อ้อยที่ตัดด้วยรถตัดอ้อยของ SAMART ซึ่งรถตัดอ้อยรุ่น SM200 C ตัดท่อนพันธุ์อ้อยโดยมีความยาวประมาณ 31-33 ซ.ม. นับว่าสั้นพอสมควรหากเทียบกับความยาว “ที่พอเหมาะ” ตามที่ศาสตราจารย์ฮอยแนะนำไว้ในงานวิจัย ทั้งนี้พบว่าท่อนพันธุ์อ้อยส่วนใหญ่ที่ตัดด้วยรถตัดอ้อยรุ่น SM200 C มีตาอ้อยอยู่เป็นจำนวน 4 ตาขึ้นไปต่อท่อน ที่สำคัญคือแทบไม่พบความเสียหายใด ๆ บริเวณข้างลำต้นหรือ “ตาอ้อย”
SAMART ได้พัฒนาระบบของรถตัดอ้อยครั้งใหญ่ในปี 2565 หลังจากการแพร่ระบาดของโควิด ในขณะนั้น SAMART มีแนวคิดการออกแบบที่มุ่งเน้นเรื่องประสิทธิภาพตามวิสัยทัศน์ของบริษัทเป็นหลัก แต่การออกแบบเหล่านั้นได้สอดคล้องกับมาตรฐานของท่อนพันธุ์อ้อยที่ลูกค้าส่วนใหญ่ของเรากำหนดไว้ด้วยเช่นกัน จึงไม่น่าแปลกใจที่ลูกค้าของ SAMART หลายท่านได้นำ “ท่อนพันธุ์อ้อย” ที่ตัดจากรถตัดอ้อยของเราไปเพาะปลูกอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาหลายปี เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม SAMART จำเป็นต้องย้อนกลับมามองว่าผลิตภัณฑ์ที่มี สามารถตอบโจทย์ของลูกค้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพหรือไม่ ถ้าหากท่านลูกค้าไว้วางใจเลือกใช้ท่อนพันธุ์อ้อยที่ตัดด้วยรถตัดอ้อยของเราเพราะเล็งเห็นว่าสามารถช่วยลดต้นทุนในการปลูกอ้อยฤดูถัดไปได้ ก็ถือว่าบริษัทได้บรรลุพันธกิจในการให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นศูนย์กลางอย่างสำเร็จลุล่วง นี่คือวิสัยทัศน์ของเรา เลือกสามารถ ให้ชีวิตสมาร์ต