ยูนิลีเวอร์ลงทุนในความร่วมมือด้านเทคโนโลยีชีวภาพ เพื่อเสาะหาพืชทางเลือกที่ยั่งยืน
ยูนิลีเวอร์และนูฟาร์ม ผู้ริเริ่มนวัตกรรมทางการเกษตรระดับโลก ได้ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ที่จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและการนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ในอนาคตสำหรับ “พืชแห่งอนาคต” โครงการนี้มีเป้าหมายในการเพาะปลูกพืชที่มีชีวมวลในปริมาณมากเพื่อผลิตน้ำมันอย่างยั่งยืน โดยน้ำมันดังกล่าวจะเป็นแหล่งกรดไขมัน ซึ่งเป็นส่วนผสมสำคัญในผลิตภัณฑ์ซักผ้า รวมถึงผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายของยูนิลีเวอร์
โดยทั่วไป น้ำมันพืช เช่น น้ำมันดอกทานตะวันและน้ำมันคาโนลาจะถูกสกัดจากเมล็ดและผลของพืช แต่ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีใหม่นี้คือการที่ “น้ำมันชีวมวล” (น้ำมันที่ได้จากวัสดุจากพืช รวมถึงใบและลำต้น) จะผลิตโดยใช้ทั้งต้นของพืชจำพวกอ้อยและข้าวฟ่าง
นูฟาร์มได้พัฒนาและทำการตลาดสายพันธุ์อ้อยที่เรียกว่า “อ้อยพลังงาน” ซึ่งเป็นพืชที่ยั่งยืนและให้ผลผลิตทั้งมวลชีวภาพและน้ำตาลมากกว่าอ้อยทั่วไปอย่างมาก การลงทุนหลายล้านยูโรจากยูนิลีเวอร์ในครั้งนี้จะสร้างความก้าวหน้าด้วยการนำเทคโนโลยีชีวภาพล่าสุดมาใช้ในการพัฒนาอ้อยพลังงานสายพันธุ์ใหม่ที่สามารถผลิตน้ำมันชีวมวลในเชิงพาณิชย์ได้
จุดมุ่งหมายสูงสุดของความร่วมมือนี้คือการปรับปรุงและเพาะปลูกพืชชนิดใหม่ให้เหมาะสม เมื่อสามารถปลูกได้ในปริมาณมากจะช่วยสนับสนุนเป้าหมายของยูนิลีเวอร์ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) จากการจัดหาวัตถุดิบ สอดคล้องกับความมุ่งมั่นในการบรรลุเป้าหมายในการปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์ตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าภายในปี 2582
เป้าหมายของเทคโนโลยีนี้สำหรับยูนิลีเวอร์คือการลดการพึ่งพาส่วนผสมที่มาจากปิโตรเคมี โดยคาดว่าจะเป็นครั้งแรกที่พืชชีวมวลจะถูกพัฒนาขึ้นให้เหมาะสมสำหรับการผลิตน้ำมันจากพืช หากสามารถปลูกได้ในระดับอุตสาหกรรมสำเร็จ น้ำมันนี้จะถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคต่าง ๆ

นีล แปร์รี หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีชีวภาพของยูนิลีเวอร์กล่าวว่า “ด้วยการลงทุนอย่างต่อเนื่องในเทคโนโลยีชีวภาพ เรามุ่งมั่นที่จะปลดล็อกศักยภาพของธรรมชาติ สร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืนและหลากหลายมากยิ่งขึ้นสำหรับอนาคต ความร่วมมือกับนูฟาร์มช่วยให้เราสามารถเสาะหาส่วนผสมทางเลือกใหม่สำหรับแบรนด์ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน ผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย และสนับสนุนเป้าหมายในการบรรลุการปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์ตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าของเราภายในปี 2582”
เกร็ก ฮันต์ ประธานคณะผู้บริหารของนูฟาร์มกล่าวว่า “เทคโนโลยีและความรู้ที่เกี่ยวข้องจะช่วยเสริมกลยุทธ์การพัฒนาน้ำมันรูปแบบใหม่ที่ยั่งยืนและสามารถขยายตัวได้ของนูฟาร์มของพืชชีวมวลสูงจำพวกอ้อยพลังงานและข้าวฟ่างเลี้ยงสัตว์ อีกทั้งยังเปิดโอกาสในการสร้างแพลตฟอร์มน้ำมันที่เปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต” เขายังเสริมว่า “อุตสาหกรรมการเกษตรกำลังเผชิญทั้งความท้าทายและโอกาสที่สำคัญที่สุดแห่งศตวรรษนี้”
ยูนิลีเวอร์มีเป้าหมายในการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่มีความยืดหยุ่นและเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต ในปัจจุบัน อ้อยพลังงานมีข้อได้เปรียบด้านความยั่งยืน เช่น ความทนทานต่อความเครียดจากสภาพอากาศ ความต้านทานต่อภัยแล้ง การป้องกันดินจากการพังทลายอย่างมีประสิทธิภาพ และประโยชน์ในด้านการเก็บเกี่ยวสำหรับเกษตรกรและสิ่งแวดล้อม โครงการนี้มีเป้าหมายที่จะจำลองและพัฒนาคุณสมบัติเหล่านี้ในพืชสายพันธุ์ใหม่ เพื่อสนับสนุนจุดมุ่งหมายด้านการปรับปรุงสภาพภูมิอากาศของยูนิลีเวอร์
นอกจากความแข็งแรงทนทานที่เพิ่มขึ้นแล้ว เป้าหมายสำคัญคือการใช้พืชชนิดนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยไม่ให้เหลือส่วนที่สูญเปล่า นอกจากการผลิตน้ำมันจากชีวมวลแล้ว พืชชนิดนี้ยังคงสามารถผลิตน้ำตาล ซึ่งอาจถูกนำไปใช้ในกระบวนการเทคโนโลยีชีวภาพอื่น ๆ เพื่อสร้างส่วนผสมพิเศษ เช่น น้ำหอม เอนไซม์ และส่วนผสมสำหรับทำความสะอาดที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ของยูนิลีเวอร์ ส่วนที่เหลือของเส้นใยพืชยังสามารถนำไปใช้ผลิตกระดาษและบรรจุภัณฑ์รวมไปถึงใช้ในการผลิตพลังงานหมุนเวียนได้อีกด้วย
วัตถุดิบและส่วนผสมคิดเป็นราว ๆ 52% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ของยูนิลีเวอร์ในขอบเขตของจุดมุ่งหมายในการปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์ และถือได้ว่าเป็นแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่มีปริมาณมากที่สุด (รายงานประจำปี 2023 ของยูนิลีเวอร์) ความร่วมมือนี้เป็นหนึ่งในวิธีที่ยูนิลีเวอร์จะนำเทคโนโลยีชีวภาพมาใช้เพื่อส่งเสริมการจัดหาวัตถุดิบสำคัญอย่างยั่งยืน