รัฐบาลอินเดียประกาศแผนความช่วยเหลือผลิตเอทานอล
รัฐบาลอินเดียได้แจ้งแก้ไขโครงการเพื่อให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่โรงกลั่นที่ผลิตเอทานอลจากอ้อยและพืชอื่นๆ ซึ่งความช่วยเหลือดังกล่าวมีไว้สำหรับขยายกำลังการผลิต ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการจัดตั้งโรงกลั่นเอทานอลแห่งใหม่ โดยเฉพาะโรงกลั่นแห่งแรกในรัฐฉัตตีสครห์ ภายใต้รูปแบบความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public-private partnership: PPP) เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมัน ซึ่งอินเดียจะต้องใช้เอทานอลประมาณ 1,000 ล้านลิตรในการผลิตน้ำมันภายในปี พ.ศ. 2573
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ ดาร์เมนดรา พราธัน จากกลุ่มคณะรัฐมนตรีสหภาพแรงงาน กล่าวว่า ภายใต้โครงการนี้รัฐบาลจะให้การช่วยเหลือด้วยการแบกรับภาระดอกเบี้ยเป็นเวลาห้าปี รวมถึงการพักชำระหนี้เป็นเวลาหนึ่งปีสำหรับเงินกู้ที่ผู้เสนอโครงการได้รับจากธนาคารที่อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6 ต่อปี หรือร้อยละ 50 ของอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารเรียกเก็บโดยแล้วแต่ว่าจำนวนใดจะต่ำกว่า การตั้งโรงกลั่นแห่งใหม่หรือการขยายโรงกลั่นที่มีอยู่หรือการเปลี่ยนโรงกลั่นที่ใช้กากน้ำตาลเป็นโรงกลั่นที่ใช้วัตถุดิบสองชนิด โครงการใหม่นี้คาดว่าน่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 400,000 ล้านรูปี (5.47 พันล้านดอลลาร์)
การลงทุนในอนาคตในการเพิ่มกำลังการผลิตและโรงกลั่นแห่งใหม่จะสร้างโอกาสในการจ้างงานใหม่ๆ ในชนบทของอินเดีย อินเดียมีวัตถุดิบสำหรับการผลิตเอทานอลในปริมาณที่เพียงพอและรัฐบาลได้มีการกำหนดค่าตอบแทนขั้นต่ำเอาไว้ บริษัทการตลาดน้ำมันมั่นใจว่าผู้รับซื้อเอทานอลจะรับซื้อเอทานอลจากเกษตรกรชาวไร่อ้อยประมาณ 50 ล้านราย และมีแรงงาน 500,000 คนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับโรงงานน้ำตาลและกิจการเสริมอื่นๆ จะได้รับประโยชน์จากการลงทุนนี้

รัฐบาลตั้งเป้าที่จะทำการผสมเอทานอลเกรดเชื้อเพลิงเข้ากับน้ำมันในอัตราร้อยละ 10 ภายในปี พ.ศ. 2565 และผสมในอัตราร้อยละ 20 ภายในปี พ.ศ. 2573 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการเกษตร ลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลนำเข้า ลดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจากการนำเข้าน้ำมันดิบ และลดมลพิษทางอากาศ โดยคาดว่าในปีอุปทานปัจจุบัน (พ.ศ. 2563-2564) เอทานอลประมาณ 3.25 พันล้านลิตรจะถูกส่งไปยัง บริษัทน้ำมันเพื่อให้มีระดับการผสมอยู่ที่ร้อยละ 8.5
เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จภายในกรอบเวลาที่กำหนด รัฐบาลท้องถิ่นได้กำหนดแนวทางในการทำสัญญาเพื่อจัดตั้งโรงงานเอทานอลแห่งแรกในรัฐภายใต้รูปแบบความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ในนามของรัฐบาลท้องถิ่น โดยมีการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ โดยโรงงานน้ำตาลสหกรณ์ Bhoramdev เมืองกาวาร์ดฮา (Bhoramdev Cooperative Sugar Factory Kawardha) และบริษัท ฉัตตีสครห์ดิสทิลเลอรี่จำกัด (Chhattisgarh Distillery Limited) เป็นระยะเวลา 30 ปี โรงงานเอทานอลจะสร้างโอกาสในการจ้างงานทั้งทางตรงและทางอ้อมในภูมิภาคและจะเป็นพื้นฐานสำหรับความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจในภูมิภาคและอุปสงค์อ้อยก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
สำหรับโรงงานผลิตเอทานอลที่บริษัท ฉัตตีสครห์ ดิสทิลเลอรี่ จำกัด จะจัดตั้งขึ้นนั้นมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 40 กิโลลิตรต่อวัน มีการตอบรับการเสนอซื้อที่ราคา 5.27 ล้านรูปีต่อปี ภายใต้รูปแบบ PPP เฉพาะโรงงานที่มีใบอนุญาตเท่านั้นที่สามารถจัดหาที่ดินได้ โดยนักลงทุนลดการลงทุนในการตั้งโรงงานเอทานอลลงกว่า 100 ล้านรูปี โรงงานแห่งนี้มีแผนว่าจะแล้วเสร็จภายในหนึ่งปีครึ่งถึงสองปีเพื่อเริ่มผลิตเอทานอล” เจ้าหน้าที่รัฐรายหนึ่งกล่าว
รัฐอุตตรประเทศ มหาราษฏระ และกรณาฏกะ เป็นแหล่งผลิตอ้อยและเอทานอลรายใหญ่ การขนส่งเอทานอลไปยังรัฐที่ห่างไกลจากทั้งสามรัฐนี้มีต้นทุนการขนส่งที่สูงมาก อย่างไรก็ตาม โรงกลั่นที่ใช้เมล็ดพืชแห่งใหม่ทั่วประเทศจะทำให้มีการผลิตเอทานอลแบบกระจายและประหยัดต้นทุนการขนส่งในขณะเดียวกันก็ป้องกันไมให้เกิดความล่าช้าในการบรรลุเป้าหมายการผสมเอทานอลในน้ำมันเชื้อเพลิง
มีการกล่าวทิ้งท้ายว่า ปัจจุบันประเทศมีกำลังการผลิต 684 ล้านลิตรเพื่อให้ได้เอทานอล 1,000 ล้านลิตรสำหรับการผสมในน้ำมันเชื้อเพลิง ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2563 กระทรวงการขนส่งทางถนนและทางหลวง (Ministry of Road Transport and Highways) ได้ขอความเห็นจากประชาชนเกี่ยวกับการนำอี 20 (E20: เอทานอล 20) มาใช้เป็นเชื้อเพลิงยานยนต์ โครงการนี้ คาดว่าจะช่วยเปลี่ยนน้ำตาลส่วนเกินไปเป็นเอทานอล และส่งเสริมให้เกษตรกรกระจายการปลูกพืชจากอ้อยและข้าว ไปเป็นข้าวโพด ซึ่งต้องการน้ำน้อยกว่าแทน