สอน. ร่วมมือสถาบันพลาสติก ต่อยอดผลิตภัณฑ์ชีวภาพจากใบอ้อย
สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ร่วมกับสถาบันพลาสติก เล็งเห็นการนำใบอ้อยและยอดอ้อยมาพัฒนาต่อยอด ผ่านการจัดกิจกรรม “ลดการเผา สร้างมูลค่าเพิ่ม ต่อยอดผลิตภัณฑ์ชีวภาพจากใบอ้อย” เพื่อทำการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้ผู้ที่สนใจ สนับสนุนในการนำใบอ้อยและยอดอ้อยไปพัฒนาต่อยอดเพิ่มมูลค่า ผลักดันแก้ไขมาตรการแก้ไขปัญหาอ้อยไฟไหม้อย่างครบวงจร ส่งเสริมอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย นำไปสู่การยกระดับผู้ประกอบการและเกษตรกร พร้อมเล็งจัดตั้ง “ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมชีวภาพ” เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมชีวภาพไทยให้ก้าวไกลเป็นศูนย์กลาง Bio Hub ในอนาคต
เศษวัสดุเหลือทิ้งจากการเก็บเกี่ยวอ้อยนั้น คือ ใบอ้อยและยอดอ้อย โดยอ้อย 1 ตันจากการเก็บเกี่ยวจะได้ใบอ้อยและยอดอ้อยรวมกว่า 170 กิโลกรัม ดูที่ผ่านมาใบอ้อยและยอดอ้อยถูกกำจัดโดยการเผาไหม้ ไม่ได้มีการนำไปต่อยอด ส่งผลให้เกิดปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง PM 2.5 จากมาตรการดังกล่าวทำให้ สอน. ได้เล็งเห็นการนำใบอ้อยและยอดอ้อยมาพัฒนาต่อยอด เพื่อช่วยลดปริมาณการเผาไหม้และเป็นการสนับสนุนในการนำใบอ้อยและยอดอ้อยไปพัฒนาต่อยอดเพื่อเพิ่มมูลค่าได้ โดยการนำใบอ้อยและยอดอ้อยมาพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ต้นแบบ มีการผลิตอิฐทางเดินและเชื้อเพลิงจากยอดและใบอ้อย มาจัดแสดงและทำการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้ผู้ที่สนใจสามารถนำไปต่อยอดได้ รวมถึงได้แนะนำผลิตภัณฑ์ต้นแบบอื่นๆ ที่ได้ทำการพัฒนาภายใต้โครงการ ไม่ว่าจะเป็นแก้วที่ผลิตจากพลาสติกชีวภาพ ที่ผลิตจากน้ำตาลสารสกัดโดยใช้เอทานอล และยาลดระดับคอเลสเตอรอลที่สกัดได้จากไขอ้อยมาจัดแสดงด้วย
นายกิติกร สุขสม รองเลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย กล่าวว่า “ตามที่ สอน.ได้ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบ เพื่อเป็นการยกระดับการพัฒนาโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย โดยใช้เทคโนโลยีชีวภาพเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อน ซึ่งเน้น “ผลิตภัณฑ์เป้าหมาย” ทั้งพลาสติกชีวภาพ เคมีชีวภาพ และชีวเภสัชภัณฑ์ ควบคู่การดำเนินงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผลักดันมาตรการแก้ไขปัญหาอ้อยไฟไหม้อย่างครบวงจร” เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการแปรรูปอ้อยและน้ำตาลทราย และเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่อ้อยและน้ำตาลทรายไปสู่ผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ซึ่งสอดรับนโยบายภาครัฐที่ต้องการผลักดันเศรษฐกิจชีวภาพและส่งเสริมให้ไทยก้าวเป็นศูนย์กลาง Bio hub ของภูมิภาคนี้ ในอนาคตทาง สอน.จะมีการจัดตั้ง “ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมชีวภาพ” โดยจะเป็นก้าวแรกในการพัฒนาให้เกิดกระบวนการอุตสาหกรรมชีวภาพ และยกระดับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย
ด้านนายวีระ ขวัญเลิศจิตต์ ผู้อำนวยการสถาบันพลาสติก กล่าวว่า สถาบันพลาสติก มีภารกิจที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติกและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ซึ่งการพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพ ถือเป็นหนึ่งในการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมีแนวคิดในการนำจุดแข็งของประเทศในการนำวัตถุดิบทางการเกษตรที่มีความ หลากหลาย เช่น อ้อยและน้ำตาลทราย มาส่งเสริมในภาคอุตสาหกรรม ก่อให้เกิดมูลค่าของผลิตภัณฑ์ และวัตถุดิบทางการเกษตร ทั้งการนำอ้อยและน้ำตาลทรายมาแปรรูปเป็นพลาสติกชีวภาพ หรือการนำสารสกัดจากอ้อยมาใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรมยา อุตสหกรรมเครื่องสำอาง เป็นต้น อีกทั้ง ยังมีการ นำเศษวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศษวัสดุเหลือทิ้ง
โดยในปี 2563 ได้ดำเนิน โครงการพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมชีวภาพ (Bioeconomy : Non-Food) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการแปรรูปอ้อยและน้ำตาลทราย โดยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตของอ้อยและน้ำตาลทราย โดยการต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ทางชีวภาพ เพื่อเพิ่มการใช้วัตถุดิบจากแหล่งเกษตรกรรมทดแทน วัตถุดิบจากแหล่ง ปีโตรเลียม ซึ่งใช้แล้วหมดไป โดยการนำความหลากหลายทางชีวภาพของไทย มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตรงตามความต้องการของตลาด โดยหนึ่งในกิจกรรมภายใต้โครงการฯ คือการสร้างการรับรู้และส่งเสริมการใช้งานผลิตภัณฑ์ชีวภาพ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์เผยแพร่สนับสนุนให้เกิดการใช้ผลิตภัณฑ์ชีวภาพเพิ่มขึ้น สร้างความเข้าใจในการลดการเผา และสร้างมูลค่าเพิ่มจากเศษวัสดุทางการเกษตร