อิสราเอลและไนจีเรียร่วมลงนามข้อตกลงโครงการชลประทานอ้อยอัตโนมัติ
กลุ่ม BUA ของประเทศไนจีเรียได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกับบริษัท Netafim ของอิสราเอลซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์การชลประทาน โดยข้อตกลงนี้เป็นไปเพื่อการพัฒนาโครงการการชลประทานแบบหยดน้ำรดต้นอ้อยอัตโนมัติที่ใหญ่และเต็มรูปแบบที่สุด การเซ็นข้อตกลงดังกล่าว จัดขึ้นในสภาพัฒนาน้ำตาลแห่งไนจีเรีย เมืองอาบูจา ซึ่งโครงการนี้ครอบคลุมเนื้อที่กว่าสี่พันเฮคตาร์ในระยะเริ่มแรก
ภายใต้ข้อตกลงนี้ ผู้เซ็นสัญญาทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันพัฒนาสิ่งที่เรียกกันว่าเป็น “ระบบการชลประทานแบบหยดน้ำที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดของแอฟริกาตะวันออก” ในไร่อ้อย BUA Lasuco เนื้อที่สองหมื่นเฮคตาร์
บริษัท Netafim (ประเทศอิสราเอล) จำกัด และ กลุ่ม BUA ประเทศไนจีเรีย
นายคาบิรู ราบิอู ประธานและผู้อำนวยการบริหารกลุ่ม BUA ของสถาบันน้ำตาลไนจีเรีย กล่าวในพิธีการลงนามข้อตกลงว่า “ตั้งแต่เริ่มตั้งโครงการ ทางองค์กรไม่เคยย่อท้อในการทำโครงการเพื่อไร่อ้อยที่มีความซับซ้อนสูงของประเทศจนกระทั่งบัดนี้ นอกจากการทำโรงงานเพื่อผลิตน้ำตาลบริสุทธิ์แล้ว ยังมีการลงทุนการผลิตเอธานอลและการสร้างพลังงานจากชานอ้อยอีกด้วย”
การลงนามข้อตกลงนี้จะเป็นการพัฒนาการชลประทานของ BUA ในพื้นที่สองหมื่นเฮคตาร์ที่เมืองลาเฟียกี ด้วยการใช้ปัญญาประดิษฐ์และระบบการชลประทานขั้นสูงรวมทั้งเทคโนโลยีการวางแผนจาก Netafirm เพื่อบ่งชี้การชลประทานและการใช้น้ำในพื้นที่อันหลากหลาย รวมถึงการแบ่งแยกประเภทของดินที่ใช้เพาะปลูกอีกด้วย
“ในปัจจุบันนี้ มีการเริ่มสร้างโรงน้ำตาลที่พื้นที่เพาะปลูก เมื่อเสร็จสิ้นแล้ว พื้นที่ดังกล่าวจะสามารถผลิตน้ำตาลบริสุทธิ์ถึง 250,000 ตันจากอ้อยกว่า 1.8 ล้านตัน และยังสามารถผลิตเอธานอลจำนวน 25,000 ล้านลิตร มีการจ้างคนงานถึงกว่าหนึ่งหมื่นคนและผลิตไฟฟ้าประมาณ 35 เมกาวัตต์ทุกๆ ปี” นายคาบิรู แถลง
นอกจากนั้น ยังมีการสร้างระบบนิเวศวิทยาซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องจะมีส่วนร่วมในทุกๆ ความสัมพันธ์ของวงจรมูลค่าพร้อมๆ กับการเป็นคู่ค้ากับผู้ปลูกอ้อยนอกพื้นที่และชุมชนลาเฟียกีอีกด้วย
นายลาทีฟ บูซารี เลขานุการฝ่ายบริหารของสภาน้ำตาลได้ยกย่อง BUA ที่ริเริ่มโรงการนี้ขึ้นและกล่าวว่าทางสภาจะสนับสนุนผู้ผลิตน้ำตาลเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการผลิตน้ำตาลที่ตั้งไว้ให้ได้