อุตสาหกรรมน้ำตาลฟิลิปปินส์ได้รับการสนับสนุนจากญี่ปุ่น ในการส่งมอบอุปกรณ์ทางการเกษตร
สำนักงานกำกับดูแลน้ำตาลฟิลิปปินส์ (SRA) ได้รับอุปกรณ์ทางการเกษตรมูลค่ากว่า 5.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากรัฐบาลญี่ปุ่นเพื่อส่งเสริมโครงการเครื่องจักรกลการเกษตรสำหรับอุตสาหกรรมน้ำตาล
ความช่วยเหลือที่ได้รับการสนับสนุนภายใต้โครงการ (Non–Project Grant Aid: NPGA) ของญี่ปุ่น ประกอบด้วยรถแทรกเตอร์ 80 คัน เครื่องปลูกอ้อยและเครื่องตัดหญ้าอย่างละ 48 คัน และจอบหมุนแนวดิ่ง 5 คัน
ปาโบล หลุยส์ อัซโคน่า ประธานคณะกรรมการสำนักงานกำกับดูแลน้ำตาลฟิลิปปินส์และอดีตหัวหน้าทีมตรวจสอบอุปกรณ์ประจำสำนักงานบาโคโลด ได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลญี่ปุ่นสำหรับความช่วยเหลือซึ่งถือได้ว่าเป็น “ของขวัญ” ให้กับอุตสาหกรรมน้ำตาลในประเทศ
“นี่เป็นของขวัญที่จำเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้เกษตรกรผู้ผลิตน้ำตาลเพิ่มผลผลิตและประสิทธิภาพการผลิตได้ อีกทั้งเวลานี้ยังเหมาะสมมากเพราะเราเพิ่งเริ่มต้นฤดูกาลการการเพาะปลูกใหม่” เขากล่าวในแถลงการณ์เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
“เราในฐานะตัวแทนภาคอุตสาหกรรมขอขอบคุณทั้งรัฐบาลญี่ปุ่นและรัฐบาลของเราในความคิดริเริ่มนี้ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรผู้เพาะปลูกอ้อยให้ได้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น”
จากรถแทรกเตอร์ทั้งหมด 80 คัน ในจำนวน 51 คันจะถูกส่งมอบให้กับพื้นที่ปลูกอ้อยในรัฐวิซายัส
เนโกรสโอกซีเดนตัล เป็นจังหวัดที่ผลิตน้ำตาลได้เป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศจะได้รับรถแทรกเตอร์ 24 คัน ในขณะที่จังหวัดเนโกรสโอเรียนตัลจะได้รับ 11 คัน เมืองอีโลอีโล 6 คัน จังหวัดเลเต 4 คัน และเซบูและคาปิซจะได้รับ 3 คันต่อจังหวัด พื้นที่ปลูกน้ำตาลในเกาะลูซอนจะได้รับรถแทรกเตอร์ 15 คัน ในขณะที่เกาะมินดาเนาจะได้ 14 คัน
รถแทรกเตอร์และเครื่องมือทางการเกษตรอื่น ๆ จะถูกส่งมอบให้กับกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับการคัดเลือก โดยต้องเสียค่าธรรมเนียมตามสัดส่วนของค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา
ในปี 2564 กระทรวงการคลัง (DOF) และสำนักงานกำกับดูแลน้ำตาลฟิลิปปินส์ได้ทำข้อตกลงรับทุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งเปิดโอกาสให้สามารถจัดซื้อเครื่องจักรและเครื่องมือทางการเกษตรได้
สำนักงานกำกับดูแลน้ำตาลของฟิลิปปินส์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าของโครงการ ที่จะต้องส่งรายงานการประเมินผลให้กับกระทรวงการคลังและรัฐบาลญี่ปุ่นหลังจากเริ่มโครงการไปได้สามปี
ไม่มีการนำเข้าน้ำตาล
ฟิลิปปินส์มีน้ำตาลสำรองอยู่ 2 เดือน ดังนั้นจะไม่มีการนำเข้าน้ำตาลในช่วงที่เหลือของปีนี้ตามที่สำนักงานกำกับดูแลน้ำตาลฟิลิปปินส์ระบุ
“อาจมีน้ำตาลมากกว่านี้ แต่ข้อมูลจากหน่วยงานมีน้ำตาลสำรองเพียงพอสำหรับสองเดือนขึ้นไป เราจึงมีอุปทานที่มั่นคง” อัซโคน่ากล่าวในระหว่างการให้สัมภาษณ์ทางวิทยุ
ในปีนี้มีการนำเข้าน้ำตาลอย่างน้อย 550,000 ตัน ในจำนวนนี้เป็นการนำเข้าจากผู้นำรายใหญ่สามรายจำนวน 400,000 ตัน ที่มีข้อขัดแย้งกันและไม่ได้รับอนุมัติจากสำนักงานกำกับดูแลน้ำตาลฟิลิปปินส์ และเป็นน้ำตาลสำรอง 150,000 ตัน
สำหรับปีการเพาะปลูกปี 2566-2567 ซึ่งนับตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2566 ถึง 30 สิงหาคม 2567 จะมีกำลังการผลิตน้ำตาลประมาณ 1.85 ล้านตันตามข้อมูลของสำนักงานกำกับดูแลน้ำตาลฟิลิปปินส์ และหากฟิลิปปินส์ไม่ประสบกับปรากฏการณ์เอลนีโญอย่างรุนแรง การผลิตน้ำตาลจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อัซโคน่ากล่าว
ตามคำสั่งหมายเลข 1 S-2566-2567 สำนักงานกำกับดูแลน้ำตาลฟิลิปปินส์คาดว่าการกำลังผลิตน้ำตาลประมาณ 1.85 ล้านตัน จากโรงงานต่าง ๆ ถูกกำหนดไว้ให้สำหรับตลาดในประเทศ
แม้ว่าน้ำตาลจะล้นตลาดอยู่ แต่ว่าราคาขายปลีกยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 110 เปโซต่อกิโลกรัมในห้างสรรพสินค้า ผู้บริโภคได้ร้องเรียนเกี่ยวกับราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น เนื่องจากราคาน้ำตาลไม่ได้ลดลงมาอยู่ที่ 50-55 เปโซต่อกิโลกรัมอย่างในปี 2564 ทั้ง ๆ ที่มีการนำเข้าและเก็บเกี่ยวหลายครั้งก็ตาม