อุตสาหกรรมน้ำตาล “ก้าวไกล” อย่างต่อเนื่อง
น้ำตาลคือผลผลิตที่ได้จากการสกัดของ “Saccharum officinarum” ซึ่งรู้จักกันดีในชื่อของต้นอ้อย โดยทวีปเอเชียตะวันออกเป็นแหล่งอุตสาหกรรมที่สำคัญนับตั้งแต่คริสตศตวรรษที่ 5 เป็นต้นมา จนกระทั่งปัจจุบัน ทวีปเอเชียกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตน้ำตาลติดอันดับโลก แต่ในขณะนี้ วงการอุตสาหกรรมน้ำตาลกำลังเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงที่เน้นกระบวนการผลิตและการสร้างพลังงานใน “ระบบโคเจนเนอเรชั่น” และการที่จะใช้ระบบที่มีการขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ต้องเริ่มต้นตั้งแต่การเลือกเทคโนโลยีการสร้างแรงขับเคลื่อนที่ถูกต้องเหมาะสม
“อุตสาหกรรมน้ำตาลเป็นภาคอุตสาหกรรมที่เต็มไปด้วยการปฏิบัติงานที่หลากหลาย อุตสาหกรรมนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถด้านประสิทธิภาพและความยั่งยืนของอุปกรณ์และแนวทางแก้ไขปัญหาแบบเชื่อมโยงที่สมบูรณ์แบบ” คุณแอนเดรียส เอเวิร์ทส์ ผู้อำนวยการบริหารและผู้บริหารระดับสูงของ Flender ให้คำอธิบายไว้ นับตั้งแต่เริ่มต้นเมื่อกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบปีที่แล้ว Flender ได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์สำหรับอุตสาหกรรมน้ำตาล และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาชื่อของบริษัทก็มีความเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ส่งกำลังทางกลต่างๆ ที่แข็งแกร่ง มีคุณภาพและทนทานสูง คุณแอนเดรียสชี้ว่า ชุดอะไหล่และข้อต่อทุกขนาดทุกประเภทที่บริษัทผลิตขึ้น ให้บริการทุกภาคส่วนอุตสาหกรรมและสามารถนำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาที่เหมาะกับความต้องการของลูกค้าแต่ละราย อันที่จริงแล้ว ชื่อเสียงของบริษัทคือผู้ผลิตชั้นแนวหน้าที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก
ระบบโคเจนเนอเรชั่น คือความท้าทายสำหรับปัจจุบันและอนาคต
คุณแอนเดรียสอธิบายต่อไปว่า Flender ให้ความสำคัญต่อพลังงานหมุนเวียนอยู่เสมอ ในปี 2520 บริษัทเริ่มผลิตอะไหล่สำหรับกังหันพลังงานลม ธุรกิจดังกล่าวได้พัฒนาต่อมาเป็นเครื่องหมายการค้าย่อยของผลิตภัณฑ์ “Winergy” ซึ่งในปัจจุบันเป็นผู้นำทางการตลาดด้านระบบขับเคลื่อนกังหันพลังงานลมของโลกไปแล้ว นอกจากนั้น อีกหนึ่งมิติของการผลิตพลังงานหมุนเวียนคืออุตสาหกรรมน้ำตาล การพัฒนาขับเคลื่อนการผลิตน้ำตาลนั้น มุ่งเน้นที่จะทำให้ระบบทั้งหมดมีความกะทัดรัด เชื่อถือได้ ประหยัดพลังงาน และมีส่วนช่วยในการควบคุมกระบวนการที่ดีขึ้น แนวทางนี้เข้ากันได้ดีกับการเปลี่ยนแปลงของโรงงานน้ำตาลจากการผลิตน้ำตาลแต่เพียงอย่างเดียว เป็นการผลิตเพื่อพลังงานไฟฟ้าและเชื้อเพลิงสะอาด ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ร่วม (co-products) ซึ่งเราเรียกว่า ระบบโคเจนเนอเรชั่น
การควบคุมกระบวนการแบบอัตโนมัติและการขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้เกิดการรองรับการผลิตไฟฟ้าร่วมในโรงงานน้ำตาลที่เหมาะสม แนวคิดพื้นฐานของระบบโคเจนเนอเรชั่นมาจากอ้อย เพราะเริ่มต้นจากการนำวัสดุเหลือทิ้งจากกระบวนการหีบอย่างชานอ้อย นำมาป้อนเข้าไปในเเผนกหม้อไอน้ำและเผาเพื่อสร้างไอน้ำแรงดันสูง โดยในโรงงานเก่าแก่หลายๆที่ เครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีกำลังและแรงบิดสูงในการเตรียมอ้อยเพื่อผลิตน้ำตาล จะขับเคลื่อนด้วยกังหันพลังงานไอน้ำ แต่อย่างไรก็ตาม แรงขับเคลื่อนใหม่ที่ทันสมัยที่มากับเครื่องสับเปลี่ยนความถี่ประสิทธิภาพสูง รวมทั้งมอเตอร์และชุดอะไหล่ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพได้เข้ามาแทนที่กังหันพลังงานไอน้ำเหล่านี้ ควบคู่ไปกับการพัฒนาดังกล่าวคือกระบวนการที่ใช้มือควบคุมก่อนหน้านี้ได้กลายมาเป็นระบบอัตโนมัติแทน การใช้ไอน้ำแรงดันสูงในการขับเคลื่อนจึงลดลงและเปลี่ยนไปเป็นกังหันไอน้ำที่ใหญ่ขึ้น เพื่อจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับระบบโครงข่าย
ทั้งหมดที่ว่ามาข้างต้นฟังดูเหมือนง่าย แต่ในทางปฏิบัติ ผู้จัดหาระบบขับเคลื่อนพลังงานเช่น Flender มีความสามารถในการให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าได้ นอกจากการจัดหาผลิตภัณฑ์ตามที่สั่งไว้แต่เพียงอย่างเดียว บริษัทสั่งสมประสบการณ์เหล่านี้สำหรับอุตสาหกรรมดังกล่าวมาช้านาน และมีผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่มีความรู้และประสบการณ์เพื่อสร้างความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับการใช้และขั้นตอนการทำงานต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ ด้วยเหตุนี้ จึงสามารถสนองความต้องการของลูกค้าด้วยการปรับใช้แนวทางขับเคลื่อนเครื่องจักรอุตสาหกรรม ที่สามารถเพิ่มขีดความสามารถของโรงงานได้
ชุดเฟืองเกลียวและเฟืองเอียง มาตรฐานที่มีความหลากหลาย
หากเรามีโอกาสเดินชมโรงงานผลิตน้ำตาลทั้งโรงงาน จะพบว่า การขนส่งและแปรรูปวัตถุดิบจำนวนมากเป็นสิ่งสำคัญในกระบวนการผลิตน้ำตาลทั้งหมด เมื่อการขนส่งวัตถุดิบเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจ บริษัทก็พร้อมจะเป็นผู้นำ ด้วยชุดเฟืองเกลียวและเฟืองเอียงมาตรฐานของ Flender หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า FZG วัตถุดิบจะได้รับการขนส่งและเข้าสู่กระบวนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยแรงบิดตั้งแต่ 2,300 ถึง 1,400,000 นิวตันเมตร จึงเหมาะสำหรับการเตรียมอ้อยเกือบทุกชนิดก่อนที่จะเข้าโรงงานเพื่อทำการหีบ คุณแอนเดรียสสรุปว่า เมื่อพูดถึงชุดเฟืองเกลียวและเฟืองเอียงของบริษัท เรากำลังพูดถึงชุดอะไหล่อุตสาหกรรมที่ได้รับการพัฒนามากที่สุดในโลกซึ่งมีขนาดแตกต่างกัน 28 ขนาด และครอบคลุมอัตราส่วนการส่งผ่านตั้งแต่ 1.25 ถึง 450 ทำให้ผลิตภัณฑ์มาตรฐานของ Flender มีความหลากหลายมาก จนเราสามารถพูดได้ว่า หนึ่งรุ่นดั้งเดิมมีถึงหนึ่งล้านแบบ
ชุดอะไหล่เคลื่อนที่สำหรับการใช้งานเฉพาะทางในโรงหีบอ้อย
ในโรงหีบอ้อยที่มีการฉีกย่อยอ้อยดิบให้เป็นฝอย ชุดอะไหล่เคลื่อนที่สำหรับการใช้งานเฉพาะทางที่มีประสิทธิภาพสูงจะช่วยขับเคลื่อนกระบวนการนี้ Flender จึงได้พัฒนาอะไหล่รุ่นที่ 3 ขึ้นใหม่ชื่อว่า “Planurex 3” เพื่อสร้างความสำเร็จครั้งใหม่ในอุตสาหกรรมน้ำตาล คุณแอนเดรียสอธิบายว่า “ในฐานะผู้ผลิตชั้นแนวหน้า เราให้ความสำคัญกับความแข็งแรง ความพร้อมใช้งานและความทนทานในการสร้างแนวทางการขับเคลื่อนกระบวนการทั้งหมด นอกเหนือจากประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์” ตัวอย่างเช่น ความหนาแน่นของกำลังไฟฟ้าที่สูงขึ้นของแต่ละแรงขับเคลื่อนในโรงงานอ้อยจะทำให้เกิดระยะห่างของลูกกลิ้งที่ใกล้ขึ้นและน้ำหนักบรรทุกที่ลดลง เสริมด้วยความสามารถในการรับน้ำหนักเกินที่สูงขึ้น ซึ่งหมายความว่าจะไม่มีการขัดจังหวะระหว่างการทำงาน แม้กระบวนการจะมีความผันผวนก็ตาม
แพลตฟอร์มเดียวแต่มีสามขั้นตอน กลยุทธ์ง่ายๆ นี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของชุดอะไหล่เคลื่อนที่ Planurex 3 ซึ่งมีแรงบิดสูงถึง 10,000 กิโลนาโนเมตร และอัตราส่วนตั้งแต่ 1:45 ถึง 1:4 และ 500 ในการช่วยขับเคลื่อนการปรับปรุงปริมาณงานในโรงหีบอ้อย รูปแบบของตัวขับเคลื่อนแต่ละตัวจะติดตั้งโดยตรงบนเพลาลูกกลิ้งของโรงงานน้ำตาล และมีการตั้งค่าโดยไม่มีเงื่อนไขในขั้นตอนแรกและระบบจ่ายน้ำมัน
รูปแบบตัวขับเคลื่อนกลางใช้แนวทางของระบบขับเคลื่อนแบบดั้งเดิม มีความแข็งแรงสูงและไม่มีการติดตั้งใดๆ เพิ่มเติมโดยไม่จำเป็น แต่จะเน้นไปที่การขับเคลื่อนประสิทธิภาพเครื่องจักรในโรงงานหีบอ้อย ในรุ่นมาตรฐานชุดอะไหล่จะมาพร้อมกับเพลาสี่เหลี่ยมและแบริ่งแรงขับตามแนวแกนโดยเดินเครื่องตามกลวิธีของ Flender ในส่วนของข้อกำหนดเฉพาะด้านการใช้งาน ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยเพิ่มอีก เนื่องจากได้ทำการตรวจสอบความปลอดภัยในระหว่างกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์แล้ว
การทำงานของชุดอะไหล่ Planurex 3 เป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างแท้จริง เพราะแรงบิดสูงที่ความเร็วต่ำมากต้องการความแข็งแรงของอะไหล่ที่เหมาะสมที่สุดในความเร็วเกือบคงที่ คุณแอนเดรียสสรุปว่า “Planurex 3 ของ Flender เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในโรงหีบอ้อย เพราะมีขนาดมาตรฐาน 16 ขนาดสำหรับแรงบิดสูงสุด 10,000 กิโลนาโนเมตรในอัตราส่วนเกิน 4,500”
บริการหลังการขายด้วยการตรวจสอบสภาพทางไกล
เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมอื่นๆ อีกมากมาย อุตสาหกรรมน้ำตาลต้องใช้โรงงานขนาดใหญ่ที่มีประสิทธิภาพซึ่งจะต้องทำงานได้อย่างไร้ข้อผิดพลาดโดยเฉพาะในช่วงฤดูการหีบอ้อย นั่นหมายความว่าผู้ให้บริการอย่าง Flender ต้องสามารถใช้ประโยชน์จากการรับรู้คุณภาพระดับสูง รวมทั้งมีความรู้เกี่ยวกับการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ และความสะดวกในการให้บริการ นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ในปี พ.ศ. 2442 โดยอัลเฟรด ฟรีดดริก เฟลนเดอร์ วัตถุประสงค์เหล่านี้ได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ผลลัพธ์ที่ได้คือผู้เชี่ยวชาญด้านการขับเคลื่อนเครื่องจักรระดับโลกเกี่ยวกับกล่องอะไหล่ข้อต่อและแนวทางด้านระบบขับเคลื่อนที่สมบูรณ์แบบ ในฐานะพันธมิตรกับอุตสาหกรรม บริษัทฯ กำลังพัฒนาระบบใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสัมพันธ์กับวิธีการใช้งานอุปกรณ์จำเพาะหรือเทคโนโลยีการขับเคลื่อนเครื่องจักรได้อย่างไร้ที่ติ
เพื่อเพิ่มความพร้อมใช้งานอย่างเป็นระบบ จำเป็นต้องมีการออกแบบ การจำลองวัสดุ และการผลิตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังต้องมีการสร้างและประมวลผลสัญญาณโดยรวมอยู่ในแนวทางปฏิบัติงานของบริษัทอีกด้วย ตัวอย่างเช่น “Diagnostex” เป็นแนวคิดหลักที่รวมระบบเซ็นเซอร์ตรวจวัดต่างๆ เข้าด้วยกันเพื่อสร้างแนวทางระบบการตรวจสอบสภาพที่มีความซับซ้อนขึ้น
ชุดอะไหล่ของ Flender สามารถติดตั้งระบบเซ็นเซอร์ตรวจสอบสภาพที่รวบรวมและประมวลผลข้อมูลหลายอย่างเข้าด้วยกัน เช่นการสั่น การเร่งอุณหภูมิและความเร็ว และแรงบิด คุณแอนเดรียสกล่าวว่า “เราไม่เพียงต้องการให้ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ทราบถึงการวางแนวทางการบริการในระดับสูงของเราเท่านั้น แต่เรายังต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบจะไม่หยุดทำงานอย่างกะทันหันโดยไม่ได้คาดคิดไว้อีกด้วย”
การพัฒนาวิศวกรรม ขับเคลื่อนเครื่องจักรให้ทันสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
ไม่ว่าคุณจะสร้างโรงงานน้ำตาลแห่งใหม่ หรือต้องการปรับปรุงโรงงานซึ่งเปิดดำเนินการมานานหลายปีแล้วให้ทันสมัยยิ่งขึ้น เราขอแนะนำให้คุณรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในระดับที่สูงขึ้นด้วยระบบที่กะทัดรัดกว่า และกลไกที่ทนทานมากขึ้นซึ่งสามารถแทนที่ตัวขับเคลื่อน “รุ่นเก่า” ได้ อันจะส่งผลให้กระบวนการทำงานในโรงงานมีประสิทธิภาพหรือประหยัดมากขึ้น เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ง่ายและรวดเร็วที่สุด Flender จึงได้ริเริ่มการฟื้นฟูซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับโรงงานน้ำตาลต่างๆ คุณแอนเดรียสให้ความเห็นว่า “บริษัทของเรานำเสนอแนวทางการขับเคลื่อนที่ประสานกันอย่างลงตัวและกลมกลืนกับอุตสาหกรรมอ้อย นอกจากชุดอะไหล่และข้อต่อที่มีประสิทธิภาพสูงแล้ว ยังมีระบบมอเตอร์ไฟฟ้าที่เราเรียกว่า ระบบขับเคลื่อนแบบบูรณาการของ Flender อีกด้วย”
ผู้ที่ต้องการได้รับประโยชน์จากระบบโคเจนเนอเรชั่นดังกล่าว และต้องการเปลี่ยนโรงงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น คุณสามารถเชื่อใจความเชี่ยวชาญของบริษัทได้ ดังที่คุณแอนเดรียสกล่าวสรุปว่า “ในฐานะบริษัท Flender เราตระหนักถึงความรับผิดชอบที่มีพร้อมกับผู้ผลิตน้ำตาล เราต้องการส่งเสริมเทคโนโลยีการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมดังกล่าว ให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงไปด้วยกัน”
Flender Pte. Ltd.,
The Siemens Center, 60 MacPherson Road, Singapore 348615,
Tel. +65 6490 6080 Website: flender.com