อุตฯ อ้อยน้ำตาลไทย จับตาทิศทางตลาดโลก ลุ้นราคาอ้อยสูง
อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายไทยวางแนวทางบริหารจัดการรอบปีผลิต 2563/64 เน้นเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพื่อให้ได้น้ำตาลต่อตันอ้อยดีที่สุด ดันการจัดเก็บผลผลิตอ้อยสดลดอ้อยไฟไหม้ เน้นย้ำทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ชาวไร่มีลุ้นราคาอ้อย 800-900 บาทต่อตัน หลังราคาตลาดโลกเริ่มขยับมาอยู่ที่ 14-15 เซ็นต์ต่อปอนด์ หลังเผชิญปัญหาผลผลิตอ้อยลดต่ำอีกทั้งคาดการณ์เฉลี่ยได้แค่ 67 ล้านตัน ทำให้ผู้เกี่ยวข้องในอุตฯ ชี้ว่า โอกาสที่จะเห็นผลผลิตอ้อยไทยกลับไปสู่ระดับ 100 ล้านตันขึ้นไป น่าจะใช้เวลาอีก 2-3 ปี
นายรังสิต เฮียงราช ผู้อำนวยการ บริษัทไทยชูการ์ มิลเลอร์ จำกัด (TSMC) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะผู้บริหารโรงงานน้ำตาลทรายทั้ง 58 โรงที่ผ่านมาได้ร่วมกำหนดแนวทางบริหารจัดการจัดเก็บผลผลิตอ้อยเข้าหีบประจำฤดูการผลิตปี 2563/64 ที่เตรียมเปิดรับผลผลิตในช่วงปลายปีนี้ โดยมุ่งเป้าหมายประสิทธิภาพการหีบสกัดน้ำตาลต่อตันอ้อย (ยิลด์) ให้ได้ดีที่สุด เพื่อให้ชาวไร่อ้อยมีรายได้จากการเพาะปลูกอ้อยสูงสุด หลังจากสถานการณ์ปริมาณอ้อยในปีนี้ที่คาดว่าจะมีผลผลิตอ้อยเข้าหีบไม่ถึง 70 ล้านตัน เนื่องจากปัญหาภัยแล้งรุนแรงกระทบต่อการเจริญเติบโตของอ้อย แม้ว่ามีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ แต่การกระจายไม่ทั่วถึง และฝนมาล่าช้า
นอกจากนี้ พื้นที่เพาะปลูกอ้อยลดลงเนื่องจากเกษตรกรหันไปปลูกพืชอื่นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า โรงงานน้ำตาลจะร่วมมือกับชาวไร่วางแผนจัดเก็บผลผลิตเพื่อให้สอดคล้องกับความสามารถการหีบของแต่ละโรงงาน พร้อมสนับสนุนรถตัดอ้อยให้แก่ชาวไร่คู่สัญญา เพื่อให้ได้อ้อยสดที่มีคุณภาพเข้าหีบให้ได้ยิลด์น้ำตาลต่อตันที่ดี รวมถึงรับซื้อใบอ้อยจากชาวไร่เพื่อนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิง ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้จากการเพาะปลูกอ้อย
“จากการสำรวจพื้นที่เพาะปลูกอ้อยในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พบว่าอ้อยปีนี้ไม่ดีนักทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพอ้อย ซึ่งเกิดจากปัญหาภัยแล้งที่รุนแรง ทำให้ตออ้อยได้รับความเสียหาย ส่งผลต่อปริมาณอ้อยเข้าหีบในปีนี้ที่คาดว่าจะลดลง ดังนั้น โรงงานน้ำตาลทุกโรงจะเร่งช่วยเหลือขาวไร่และสร้างความเชื่อมั่นว่ากำลังการผลิตของโรงงานมีเพียงพอในหีบอ้อยตามกรอบเวลา โดยไม่มีอ้อยตกค้างไร่ ดังนั้น ชาวไร่จึงไม่จำเป็นต้องเร่งจัดเก็บผลผลิตด้วยการเผาอ้อย เพราะจะทำให้ยิลด์น้ำตาลไม่ดีและกระทบต่อรายได้ในที่สุด” คุณรังสิต กล่าว
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) เปิดเผยว่า เพราะแนวโน้มราคาอ้อยขั้นต้นฤดูหีบปี 2563/64 มีโอกาสที่จะอยู่ในระดับเฉลี่ย 800-900 บาทต่อตัน หลังราคาน้ำตาลทรายดิบตลาดโลกเฉลี่ยขยับเพิ่มสูงมาอยู่ในระดับ 14-15 เซ็นต์ต่อปอนด์เนื่องจากสต๊อกน้ำตาลโลกลดลง ซึ่งปัจจัยหนึ่งที่สำคัญคือผลผลิตของไทยในฤดูหีบดังกล่าวมีทิศทางปรับลดลงต่อเนื่องจากผลกระทบภัยแล้ง โดยจากการประเมินของทั้งจากรัฐ โรงงาน และชาวไร่อ้อยแล้วเฉลี่ยจะอยู่ที่เพียง 67 ล้านตันเท่านั้น
ทั้งนี้ ปัญหาผลผลิตอ้อยที่ลดต่ำต่อเนื่อง ขณะนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งโรงงานน้ำตาล ชาวไร่อ้อย และหน่วยงานรัฐกำลังหาทางออกถึงปัญหาการส่งมอบน้ำตาลทรายตามสัญญาเก่าฤดูหีบปี 2562/63 ที่โรงงานน้ำตาลหลายแห่งต้องเลื่อนการส่งมอบเนื่องจากโรงงานได้ทำสัญญาขายน้ำตาลเกินปริมาณน้ำตาลที่ผลิตได้จริงเพราะไม่คาดคิดว่าอ้อยจะลดลงไปมาก โดยโรงงานน้ำตาลได้มีข้อเสนอที่จะขอรับซื้อน้ำตาลทรายดิบจากบริษัทอ้อยและน้ำตาลทรายไทย จำกัด (อนท.) ที่มีน้ำตาลบริหาร 8 แสนตัน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าชาวไร่อ้อยบางส่วนจะไม่ขัดข้องแต่การดำเนินงานดังกล่าวจะขัดต่อระเบียบที่กำหนดไว้ ดังนั้นจำเป็นต้องแก้ไขระเบียบซึ่งต้องใช้เวลานานนอกจากนี้ ด้านสำนักงานสหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และสมาคมกลุ่มชาวไร่อ้อยเขต 7 ได้เปิดเผยว่า สำหรับราคาอ้อยขั้นต้นที่จะเอื้อให้เกิดการเพาะปลูกเพิ่มขึ้นควรจะอยู่ระดับ 1,000 บาทต่อตันขึ้นไป เนื่องจากยังพอมีกำไรที่จะลงทุนตออ้อยใหม่หรือใส่ปุ๋ยบำรุงตอ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าการคำนวณราคาอ้อยนั้นปัจจัยสำคัญมาจากราคาน้ำตาลทรายดิบตลาดโลก ขณะที่ราคาระดับ 1,000 บาทต่อตันขึ้นไป ราคาน้ำตาลทรายตลาดโลกจะต้องอยู่ที่ประมาณ 17 เซ็นต์ต่อปอนด์