โมเดลการผลิตเอทานอลของฟิลิปปินส์ อาจได้รับการสำรวจโดยเหล่าผู้ผลิตจากอินเดีย
สภาธัญพืชแห่งสหรัฐ (U.S. Grains Council – USGS) ให้โอกาสทั้งหน่วยงานภาครัฐและองค์กรภาคอุตสาหกรรมเอกชนของประเทศฟิลิปปินส์ ในการโฆษณาผลิตภัณฑ์เอทานอลของฟิลิปปินส์ต่อคณะตัวแทนกลุ่มผู้ผลิตเอทานอลจากน้ำตาลจากประเทศอินเดีย ในการประชุมสัปดาห์พลังงานชีวภาพ (Bioenergy Week) ประจำปีครั้งที่เจ็ด ซึ่งจัดขึ้นโดยพันธมิตรพลังงานชีวภาพโลก (Global Bioenergy Partnership – GBEP)
GBEP นั้นเป็นกลุ่มพันธมิตรระดับโลกที่ช่วยเชื่อมโยงผู้มีส่วนได้เสียทั้งภาคสาธารณะ ภาคเอกชน และภาคประชาชนเข้าหากัน เพื่อการสนับสนุนการใช้พลังงานชีวภาพเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ในการประชุมสัปดาห์พลังงานชีวภาพซึ่งจัดขึ้นที่กรุงมะนิลาในปีนี้ ได้นำเอาประเทศอุตสาหกรรมผู้ผลิตเอทานอลชั้นนำแปดประเทศ จากภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาพบปะกัน เพื่อร่วมกันนำเสนอข้อมูลความคืบหน้าของโครงการ
นายทิม เทอร์นี่ย์ (Tim Tierney) ประธานฝ่ายการตลาดเอทานอลเชิงกลยุทธ์ กรมสำรวจธรณีวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา ภูมิภาคเอเชียเหนือของ เผยว่า “งานประชุมสัปดาห์พลังงานชีวภาพประจำปี 2019 ได้รับการจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการอภิปรายและแลกเปลี่ยนประสบการณ์และทักษะต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานอย่างจริงจังซึ่งพลังงานชีวภาพอย่างยั่งยืนในเอเชีย ทางสภาให้การสนับสนุนคณะตัวแทนจากอินเดีย ในการเรียนรู้เกี่ยวกับเส้นทางการค้าเอทานอล และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับอุตสาหกรรมการผลิตเอทานอลของประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งอาจจะใช้เป็นโมเดลตัวอย่างในการขยายอุตสาหกรรมการผลิตเอทานอลของอินเดียเอง”
อุตสาหกรรมการผลิตเอทานอลของประเทศฟิลิปปินส์นั้น มีลักษณะเป็นระบบตลาดสองช่วงชั้น ซึ่งระบบการผลิตในประเทศและการจัดหาวัตถุดิบโดยการนำเข้าจากต่างประเทศ จะดำเนินไปร่วมกัน และในส่วนของผู้ผลิตในประเทศ ซึ่งปัจจุบันใช้อ้อยและกากน้ำตาลเป็นวัตถุดิบ เป็นผู้สนับสนุนเอทานอลส่วนใหญ่ที่ใช้ในการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงสูตร E10 ตามข้อบังคับของประเทศ ฝั่งรัฐบาลเองก็มีส่วนช่วยสร้างสิ่งจูงใจต่างๆ สำหรับการสร้างโรงงานเอทานอลขึ้นใหม่ ซึ่งมีส่วนช่วยให้ปริมาณการผลิตเอทานอล เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 62 ล้านแกลลอน (235 ล้านลิตร) และมีการใช้ความจุการผลิตเกินกว่า 83 เปอร์เซ็นต์
ผลก็คือ อุตสาหกรรมการผลิตเอทานอลของประเทศฟิลิปปินส์ จึงน่าจะเป็นตัวแบบที่เหมาะสมและเป็นไปได้สำหรับการนำไปปรับใช้โดยอินเดีย เนื่องจากรัฐบาลอินเดียมีการยื่นข้อเสนอที่จะกำหนดอัตราส่วนผสมเอทานอลให้เพิ่มขึ้นเป็น 20 เปอร์เซ็นต์
ในระหว่างเดินทางเยือนประเทศฟิลิปปินส์ คณะผู้แทนจากอินเดียได้เข้าร่วมการประชุมนอกรอบกับตัวแทนจากภาคอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยและรัฐบาลของฟิลิปปินส์ เพื่ออภิปรายถึงระบบการตลาดสองช่วงชั้น และสนทนาร่วมกันว่าภาครัฐและภาคเอกชนทำงานร่วมกันได้อย่างไร ในการบรรลุระบบการผลิตที่ประหยัดต้นทุนและยังประโยชน์ทางด้านสภาพแวดล้อม ซึ่งต่างเป็นข้อพิจารณาที่สำคัญสำหรับประเทศอินเดีย

อามิท เสชเดฟ ที่ปรึกษาของกรมสำรวจธรณีวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา ในประเทศอินเดีย ระบุว่า “หากว่าประเทศอินเดียจะบังคับใช้สูตรผสมเชื้อเพลิงแบบ E10 โดยใช้เอทานอลที่ผลิตขึ้นได้ในประเทศและที่นำเข้ามา คล้ายๆ กับแนวทางที่ฟิลิปปินส์ใช้อยู่ แนวทางดังกล่าวจะสามารถช่วยประหยัดต้นทุนอยู่ได้ราว 2.87 – 3.12 พันล้านเหรียญสหรัฐ ความแพร่หลายของเชื้อเพลิงเอทานอลทั่วประเทศนั้นไม่เพียงแต่จะช่วยประหยัดเงิน หากแต่ยังมีส่วนช่วยลดปัญหาฝุ่นละออง และปรับปรุงคุณภาพอากาศให้ดียิ่งขึ้นด้วย”
ดังนั้น สภาธัญพืชของสหรัฐจึงได้เชิญคณะผู้แทนจากทั้งอินเดียและฟิลิปปินส์ ให้มาร่วมอภิปรายกันถึงแนวทางการใช้เอทานอลกันต่อ ที่งานประชุมสุดยอดผู้นำเอทานอลโลก (Global Ethanol Summit) ซึ่งจัดในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2562 ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. พร้อมกับเจ้าหน้าที่รัฐระดับรัฐมนตรีและผู้บริหารจากธุรกิจชั้นนำในวงการอุตสาหกรรมผลิตและกลั่นเอทานอลรวมกว่า 250 ท่าน จาก 40 ประเทศทั่วโลก