CNH Industrial แบรนด์อุปกรณ์เกษตรระดับโลก เจาะตลาดไทยเพื่อส่งเสริมภาคการเกษตร
หากจะกล่าวถึงแบรนด์อุปกรณ์ในการทำการเกษตรคงได้ยินชื่อ CNH Industrial กันมาบ้าง เพราะแบรนด์นี้เป็นที่รู้จักระดับโลกในการให้บริการรอบด้านครอบคลุมทุกภาคการเกษตร และไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพ กล่าวคือนับตั้งแต่อดีตเป็นประเทศเกษตรกรรมมาโดยตลอด ประชากรไทยกว่าครึ่งหนึ่งประกอบอาชีพเกษตรกร มีพื้นที่เพาะปลูกคิดโดยประมาณร้อยละ 47.77 ทำให้ CNH Industrial เล็งเห็นถึงโอกาสจึงตั้งให้ประเทศไทยเป็นสำนักงานใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกทั้งยังมุ่งเน้นด้านความยั่งยืนที่ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญ
ตั้งไทยเป็นศูนย์กลางสำนักงานใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
คุณลอร่า โอเวอร์ออล รองประธานอาวุโสฝ่ายการสื่อสารของ CNH Industrial กล่าว ประเทศไทยมีจุดเด่นในด้านการเกษตร ซึ่งภาคการเกษตรไม่ได้ผันแปรตามเศรษฐกิจหรือเรื่องเงินอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกเพาะปลูกพืชชนิดใด ทาง CNH Industrial ก็จะดูว่าสินค้าตัวไหนที่เหมาะแก่ภาคเกษตรของไทย เป็นที่ทราบกันว่าทางแบรนด์เป็นผู้นำอุปกรณ์เกษตรในด้านอ้อย และอย่างไทยที่เพาะปลูกอ้อยเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก จึงมี 3 เหตุผลหลักในการเลือกประเทศไทยเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ ดังนี้
- มองเห็นโอกาสทางธุรกิจในการเติบโต โดยเฉพาะภาคการเกษตรของไทย
- ไทยตั้งอยู่ในภูมิศาสตร์ที่เป็นศูนย์กลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเหมาะแก่การตั้งเป็นสำนักงานใหญ่ ทั้งนี้ไม่ได้มีโรงงานผลิต เป็นเพียงการนำเข้าส่วนประกอบ แต่อาจจะดึงนวัตกรรมของสินค้าแต่ละตัวมาปรับเพื่อให้เหมาะสมแก่ผู้นำไปใช้
- ความสามารถของบุคลากรในไทยมีค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นในด้านของ commercial หรือคนในพื้นที่ที่ทาง CNH เล็งเห็นว่าสามารถลงทุนในเรื่องนี้ได้ โดยจะให้การอบรม ตลอดให้ความรู้ในการใช้เครื่องจักร หรือองค์ความรู้ต่าง ๆ อย่างเช่นในไทยที่ทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันส่งเสริมในภาคการเกษตรเสมอมา
กล้าที่จะแตกต่างสู่ความยั่งยืน
ซีเอ็นเอช อินดัสเทรียล ( CNH Industrial) ดำเนินธุรกิจด้วยคอนเซปต์ “กล้าที่จะแตกต่าง” (Breaking New Ground) โดยมีสำนักงาน 170 ประเทศทั่วโลก และมีพนักงานกว่า 40,000 คน ทุกคนล้วนแล้วแต่มีความหลากหลายและเสมอภาคกันในทุกที่ทำงาน
CNH Industrial ให้ลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาสินค้า ตลอดจนสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อให้ตอบโจทย์แก่ผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นรถแทรกเตอร์เพื่อการเกษตรสำหรับคนพิการเครื่องแรกของโลกที่พึ่งเปิดตัวไปในประเทศบราซิลเมื่อเดือนสิงหาคม แนวคิดนี้เกิดขึ้นเมื่อ 3 – 4 ปีที่ผ่านมา เราไม่เพียงพูดคุยหรือพัฒนากันเอง แต่ได้หารือกับผู้ที่ประสบปัญหา รวมถึงพนักงานที่มีความบกพร่องทางร่างกายก็ร่วมให้คำแนะนำ จวบจนปัจจุบันได้สร้างเทคโนโลยีที่ใช้งานได้จริงขึ้นมา
หลักการทำงานของรถแทรกเตอร์นี้คือการเคลื่อนย้ายคนพิการจากวีลแชร์ด้วยระบบไฮดรอลิก โดยยกวีลแชร์ให้สูงขึ้นให้อยู่ในตำแหน่งเดียวกับที่นั่งคนขับ จากนั้นตัวที่นั่งจะพับเก็บเองแบบอัตโนมัติ ซึ่งรถแทรกเตอร์ที่พบเห็นส่วนใหญ่จะมีคันเร่ง เบรก และคลัตช์ แต่รถแทรกเตอร์นี้พัฒนาโดยจะใช้มือในการควบคุมทั้งหมด ที่กล่าวมาและรวมถึงสินค้าตัวอื่น ๆ เป็นแนวคิดการออกแบบ Reprofit platform คือการ Add on อุปกรณ์จากสิ่งที่มีอยู่ให้ตอบสนองความต้องการ โดยไม่ต้องซื้อใหม่
นอกจากนี้ยังเป็นบริษัทที่ลงทุนในเรื่องของความยั่งยืนและตระหนักในเรื่องการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) เพราะรถแทรกเตอร์หรือรถตัดอ้อยของทางแบรนด์ไม่เพียงใช้น้ำมันอย่างเดียว แต่ยังนำพลังงานทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่าง LNG มาใช้เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนที่ทั่วโลกหันมาให้ความสนใจ หรือการลดปัจจัยการผลิต และเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้น เช่นการทำฟาร์ม ดินแบบนี้ต้องปลูกอะไรหรือใส่ปุ๋ยแบบไหน โดยไม่ต้องลงทุนมากแต่ได้ผลผลิตต่อฟาร์มเพิ่มขึ้น

CNH Industrial เจาะกลุ่มลูกค้าไทยในกลุ่มบริษัทชั้นนำของประเทศ รวมถึงประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยเครื่องจักรกลทางการเกษตรอย่างผลิตภัณฑ์ New Holland และ Case IH ที่มีการปรับสมรรถนะให้เหมาะสมตามความต้องการของเกษตรกรในพื้นที่ ซึ่งทาง CNH Industrial ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในเรื่องการให้บริการแก่ลูกค้า และกลุ่มลูกค้าของรถแทรกเตอร์ New Holland จะเป็นเกษตรกรมากกว่า ในขณะที่รถตัดอ้อย Case IH จะเป็นกลุ่มลูกค้าระดับองค์กรที่คิดเป็น 60% ของยอดขาย
ผู้นำแบรนด์อุปกรณ์เกษตรระดับโลกอย่าง CNH Industrial ไม่เพียงแต่พัฒนาหรือส่งเสริมในเรื่องของอ้อย แต่ในขณะเดียวกันเราก็ยังพัฒนาโซลูชันในด้านอื่นอยู่ตลอด ดังนั้นแบรนด์อุปกรณ์ด้านเกษตรระดับโลกเช่นนี้จึงเป็นที่จับตามองในอุตสาหกรรมไทยอีกหนึ่งรายเลยก็ว่าได้ และทางแบรนด์ยังคงวิสัยทัศน์ ความสำเร็จของเราคือความสำเร็จของลูกค้า และเราจะประสบความสำเร็จไปด้วยกัน คุณลอร่ากล่าวเสริม