KTIS มั่นใจธุรกิจเชื้อเพลิงชีวมวลแกร่ง หนุนกำไรเติบโตต่อเนื่อง
บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS เผยธุรกิจขายไฟฟ้าและเอทานอลไปได้สวย โดยเฉพาะธุรกิจพลังงานไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวลโต 77% รายได้ขายเอทานอลโต 3.9% แย้มรายได้พุ่งทะยานรวม 2,388.2 ล้านบาทในไตรมาสแรกปีนี้ พร้อมทั้งปรับกลยุทธ์การบริหารจัดการต้นทุนการผลิตและวัตถุดิบในแต่ละสายธุรกิจอย่างเข้มข้น เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลไทยได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ทำให้ผลผลิตอ้อยลดลง
นายณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทเกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่องครบวงจรเปิดเผยว่า ในไตรมาสแรกของปี 2563 ตามงบการเงินของบริษัท (ต.ค.-ธ.ค.62) บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 2,388.2 ล้านบาท โดยรายได้จากการผลิตและจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวลเติบโตโดดเด่นที่สุด ซึ่งมีรายได้ 143.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 77.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณการขายไฟฟ้าและราคาขายไฟเฉลี่ยเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอลเป็นอีกธุรกิจหนึ่งในสายธุรกิจชีวภาพที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาสแรกปีนี้มีรายได้ 375.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น แม้ราคาขายเฉลี่ยจะลดลง ทั้งนี้เนื่องจากในปีนี้อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลโดยรวมได้รับผลกระทบจากปริมาณผลผลิตอ้อยที่ลดน้อยลงทั้งระบบจากปัญหาภัยแล้งที่รุนแรง ดังนั้นกลุ่ม KTIS จึงเน้นการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตและวัตถุดิบในแต่ละสายธุรกิจอย่างเข้มข้น
“ปีนี้เป็นปีที่ต้องบริหารจัดการเรื่องของต้นทุนและการกำหนดราคาขายให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งสายธุรกิจน้ำตาลของกลุ่ม KTIS จะได้รับเงินชดเชยส่วนของค่าอ้อยและเงินชดเชยค่าผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายจากกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย รวมถึงเงินช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาลอีกจำนวนหนึ่งด้วย”
สำหรับความคืบหน้าของโครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ (NBC Project) ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท จีจีซี เคทิส ไบโออินดัสเตรียล จำกัด (GKBI) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของกลุ่ม KTIS กับกลุ่มบริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) ในอัตราส่วน 50 ต่อ 50 นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งก่อสร้างโรงงานหีบอ้อยกำลังการผลิต 24,000 ตันต่อวัน โรงงานผลิตเอทานอลกำลังการผลิต 600,000 ลิตรต่อวัน และโรงงานผลิตไฟฟ้าและไอน้ำกำลังการผลิตติดตั้งไฟฟ้า 85 เมกะวัตต์ และไอน้ำ 475 ตันต่อชั่วโมง คาดว่าจะสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ปลายปีนี้