จับตามองบราซิล หลังราคาน้ำตาลขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์
ปัจจุบันราคาน้ำตาลทะยานแตะจุดสูงสุดในรอบ 11 ปี ถึงแม้การเก็บเกี่ยวอ้อยในบราซิลในช่วงต้นเดือนเมษายนจะบ่งชี้ว่า ผลผลิตในปี 2023/24 น่าจะเป็นไปในทิศทางบวกก็ตาม
หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำตาลพุ่งสูงคือ กำลังการผลิตน้ำตาลในอินเดียอยู่ในระดับที่ไม่น่าพึงพอใจ อีกทั้งสหภาพยุโรปยังผลิตน้ำตาลได้ต่ำกว่าปกติเนื่องจากภัยแล้งและคลื่นความร้อนในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา นอกจากนี้ ปริมาณน้ำตาลคงคลังทั่วโลกยังลดต่ำลงถึงสองปีติดและทำสถิติต่ำสุดในรอบทศวรรษ
ท่ามกลางวิกฤตินี้ ผลผลิตจากผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ที่สุดของโลกอย่างบราซิลจึงเป็นเพียงความหวังเดียวที่เหลืออยู่ ในช่วงหลายเดือนต่อจากนี้ซึ่งเป็นช่วงที่บราซิลจะเก็บเกี่ยวผลผลิต ทุกฝ่ายย่อมจับตามองข้อมูลตัวแปรการผลิตตัวสำคัญ ๆ จากโกรอินเทลลิเจนซ์อย่างใกล้ชิด
ข้อมูลจากโกรอินเทลลิเจนซ์เกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงด้านสภาพอากาศที่ส่งผลต่อการเกษตรในรัฐที่มีการปลูกอ้อยเป็นอันดับต้น ๆ เผยให้เห็นว่า ช่วงก่อนฤดูเก็บเกี่ยวมีฝนตกอย่างต่อเนื่องในบราซิล ทำให้ผลผลิตอ้อยอุดมสมบูรณ์ ส่วนในช่วงสองสัปดาห์ต่อจากนี้จะมีฝนเล็กน้อยเป็นบริเวณกว้าง ทว่าหากฝนกลับมาตกหนักใหม่อีกรอบก็อาจทำให้การเก็บเกี่ยวล่าช้าและผลผลิตมีคุณภาพต่ำลง
ปัจจัยอีกอย่างหนึ่งที่ส่งผลต่อการผลิตน้ำตาลคือปริมาณอ้อยที่ถูกแบ่งไปผลิตเอทานอล ตัวเลขในปีนี้แสดงให้เห็นว่ามีการแปรรูปอ้อยเป็นน้ำตาลสูงกว่าปกติ แนวโน้มดังกล่าวน่าจะดำเนินต่อไปหากราคาน้ำตาลยังพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ว่าอ้อยจะถูกนำไปแปรรูปเป็นเอทานอลมากขึ้นถ้าราคาน้ำมันดิบโลกเพิ่มขึ้นและค่าเงินเรอัลของบราซิลแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์
บริษัทเนชั่นแนล ซัพพลาย (CONAB) ของบราซิลคาดการณ์เบื้องต้นว่า การผลิตน้ำตาลปีนี้จะเพิ่มขึ้นเกือบ 5% ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 2 ที่มีผลผลิตเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ประเทศผลิตน้ำตาลมา
สำหรับผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกอย่างอินเดียนั้น ผลผลิตในปีนี้น้อยจนน่าใจหาย บีบให้โรงงานหลายแห่งในรัฐมหาราษฏระที่ปกติมีกำลังผลิตสูงต้องหยุดการผลิตเร็วกว่าปกติ สถานการณ์น้ำตาลขาดตลาดควบคู่กับปริมาณน้ำตาลคงคลังในประเทศที่อยู่ในระดับต่ำอาจกระตุ้นให้เกิดภาวะราคาอาหารเฟ้อในช่วงฤดูร้อนซึ่งมีปริมาณความต้องการสูงเป็นพิเศษ นี่อาจผลักดันให้รัฐบาลจำกัดการส่งออกน้ำตาลอย่างเคร่งครัดเพื่อควบคุมเงินเฟ้อภายในประเทศ ซึ่งแน่นอนว่าย่อมส่งผลให้ราคาน้ำตาลในตลาดโลกสูงยิ่งขึ้นไปอีก