มิตรผลผลิตพลังงานหมุนเวียนจากพืชเกษตร ลดพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล
บนเวทีเสวนาการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียว Move Forward Green Economy Transitions ในงานสัมมนา Road To NET ZERO 2024: The Extraordinary Green จัดโดยฐานเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2567 คุณธันยวีร์ พงษ์วัฒนาสุข กรรมการผู้จัดการธุรกิจเอทานอล บริษัท มิตรผล ไบโอฟูเอล จํากัด กล่าวถึงมิติพลังงานหมุนเวียนจากการเกษตร อนาคตของประเทศไทยว่ามิตรผลเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการผลิตพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทย โดยเฉพาะการผลิตพลังงานจากพืชเกษตรหลัก เช่น อ้อย ข้าวโพด มันสำปะหลัง ไม้ยางพารา และปาล์มน้ำมัน มุ่งเป้าการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
มิตรผลมีจุดแข็งในการการนำพืชต่าง ๆ มาต่อยอดผลิตเป็นพลังงานหมุนเวียน โดยนำอ้อยมาใช้มากถึง 56% โดยกระบวนการผลิตเริ่มจากการหนีบอ้อยเพื่อสกัดน้ำตาล ส่วนกากชานอ้อยที่เหลือจากกระบวนการนี้จะถูกนำมาใช้เป็นพลังงานชีวมวล (Biomass) ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดและยั่งยืน
การใช้กากชานอ้อยเป็นพลังงานชีวมวลมีประโยชน์หลายประการ ไม่เพียงแต่ช่วยลดปริมาณขยะจากการเกษตร แต่ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกรในพื้นที่ นอกจากนี้ การใช้พลังงานชีวมวลยังเป็นการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนและลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล
คุณธันยวีร์เล่าต่อว่า กากชานอ้อยที่เหลือจากการผลิตน้ำตาลจะถูกนำมาเผาในโรงไฟฟ้าชีวมวลของบริษัท เพื่อผลิตไอน้ำและไฟฟ้า ไอน้ำที่ได้จะถูกนำไปใช้ในกระบวนการผลิตต่าง ๆ ภายในโรงงานน้ำตาลและโรงงานอื่น ๆ ในกลุ่มมิตรผล ซึ่งถือเป็นพลังงานสีเขียว อีกส่วนเป็นเอทานอล นำมาใช้เป็นส่วนผสมในน้ำมันเบนซิน ทั้งนี้ ไฟฟ้าที่ผลิตได้จะถูกส่งต่อไปยังการไฟฟ้าฝ่ายผลิตและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อใช้ในบ้านเรือนและชุมชน
ปัจจุบัน กลุ่มมิตรผล มีโรงไฟฟ้าชีวมวลในประเทศไทย ในจังหวัดสุพรรณบุรี สิงห์บุรี ขอนแก่น ชัยภูมิ กาฬสินธุ์ เลย และอยุธยา มีกำลังการผลิตรวม 463 เมกะวัตต์ สามารถส่งไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ และการไฟฟ้าฝ่ายภูมิภาค ได้ถึง 197 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบสัดส่วนการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากการใช้เอทานอลซึ่งเป็นพลังงานภาคเกษตรถือว่ามีส่วนสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ลงได้มากกว่าเชื้อเพลิงฟอสซิล นั่นคือ เอทานอล 1 ลิตร ปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ เพียง 0.74 kgCO2eq เมื่อเทียบกับการใช้น้ำมันเบนซินที่ปล่อยมากถึง 3.4 kgCO2eq หรือการใช้ไฟฟ้าจากชีวมวล ก็ปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ เพียง 0.0520 kgCO2/kWh เมื่อเทียบกับไฟฟ้าทั่วไปที่ปล่อยมากถึง 0.4999 kgCO2/kWh
ที่ผ่านมามิตรผลรับซื้อใบอ้อยแล้วกว่า 1.7 ล้านตัน สร้างรายได้เสริมให้เกษตรกรกว่า 2,500 ล้านบาท และเมื่อนำใช้สร้างไฟฟ้าได้ถึง 650 MW ซึ่งสร้างายได้หมุนเวียนในระบบถึง 16,000 ล้านบาท