เอทานอล

ไทย-บราซิล เล็งผลักดันเอทานอล สู่ความยั่งยืนระดับโลก

“ไทย-บราซิล” สองประเทศยักษ์ใหญ่ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อวงการอุตสาหกรรมอ้อยน้ำตาล และผลิตเอทานอลอันดับต้นๆของโลก ร่วมจับมือจัดสัมมนา “Sustainable Mobility: Ethanol Talk” ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา พร้อมดึงตัวผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมพลังงานบราซิลเพื่อวิเคราะห์ถึงประสบการณ์ความเป็นมา การบริโภค และการสนับสนุนของรัฐที่มีต่อเชื้อเพลิงชีวภาพ ที่ทำให้บราซิลกลายประเทศที่มีอิทธิพลเป็นอันดับต้นๆของวงการเอทานอลระดับโลก หวังผลักดันไทยประยุกต์ใช้เอทานอลเป็นพลังงานทางเลือกเพื่อสิ่งแวดล้อม และความยั่งยืนในประเทศไทยมากขึ้น

นายสิริวุทธิ์ เสียมภักดี ประธานคณะทำงานด้านประชาสัมพันธ์ของ 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย เปิดเผยว่า “อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายไทย ในฐานะผู้ส่งออกน้ำตาลอันดับ 2 ของโลก ได้จับมือหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนของประเทศบราซิล ได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ สมาคมอุตสาหกรรมอ้อยของบราซิล (UNICA) กลุ่มผู้ประกอบการเอทานอล (APLA) สำนักงานส่งเสริมการส่งออกและการลงทุนของบราซิล (Apex-Brazil) จัดงานสัมมนา Sustainable Mobility : Ethanol Talks ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ณ โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพฯ เพื่อส่งเสริมการใช้เอทานอลเป็นพลังงานเชื้อเพลิงชีวภาพ ลดปัญหาสิ่งแวดล้อม และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่มีผลต่อภาวะโลกร้อน”

“งานสัมมนาครั้งนี้เพื่อปลุกกระแสการใช้พลังงานเชื้อเพลิงชีวภาพในประเทศไทย โดยนำเอทานอลที่เราสามารถผลิตได้จากอ้อย หรือผลผลิตทางการเกษตรอื่นๆ มาเป็นส่วนผสมในนำมันเชื้อเพลิงประเภทต่างๆ สามารถลดมลพิษในอากาศ ลดการนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ และช่วยให้อุตสาหกรรมเอทานอลมีความเข้มแข็ง สร้างความมั่นคงด้านพลังงานเชื้อเพลิงภายในประเทศอีกด้วย” นายสิริวุทธิ์กล่าว

การสัมมนาเชิงเทคนิค Sustainable Mobility: Ethanol Talks – Thailand

Dr.Plinio Nastari ประธานกรรมการบริษัท Datagro เเละเป็นผู้แทนภาคประชาสังคมของสภานโยบายพลังงานแห่งชาติบราซิล กล่าวว่า “บราซิลเริ่มผลักดันให้เอทานอลเป็นนโยบายหลักกว่า 22% มีการใช้เอทานอลและมีอัตราการใช้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในระยะหลัง ในบราซิลบางรัฐมีการใช้เอทานอลทั้งหมดทดแทนการใช้น้ำมัน ในช่วงที่มีการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมจนประสบความสำเร็จ บราซิลเริ่มจากให้เอทานอลแข่งกับแก๊สโซลีน เริ่มส่งออกไปยังสหรัฐโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม ขณะนั้น (1986) มีกฎหมายทุ่มตลาดและกำหนดราคาเชื้อเพลิงแต่ยังเกิดปัญหาราคาไม่สะท้อนต้นทุนวัตถุดิบ ถัดมารัฐบาลจึงกล้าตัดสินใจปรับนโยบายให้เกิดแรงจูงใจมากขึ้นควบคู่ไปกับการศึกษาต้นทุนทางเศรษฐกิจไม่ใช่เพียงหาตลาดจนปัจจุบันจากขายเอทานอลเพื่อส่งออก”

แต่วันนี้เอทานอลกลับมีบทบาทสำคัญและจำเป็นต่อประเทศมาก เนื่องจากช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมความสำเร็จของอุตสาหกรรมมาจากวิสัยทัศน์ นโยบายรัฐบาลที่เร็วและชัดเจนจากการเริ่มกระตุ้นการใช้น้ำมันพื้นฐาน E12 ทำให้ในวันนี้จำนวนรถยนต์ในประเทศ 80% ของจำนวนรถยนต์นั้นมีสัดส่วนกว่า 75% ที่ใช้เอทานอล เพราะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในแต่ละปีบราซิลตั้งเป้าการใช้เอทานอลโดยมี 11 โรงกลั่น และกระตุ้นให้ใช้ในทุกสถานีบริการ ทั้งขยายการผลิตเอทานอลจากอ้อยเป็นข้าวโพดและพืชอื่น ๆ เพื่อรักษาสมดุล

ขณะที่ Dr.Gonçalo Pereira ศาสตราจารย์แห่ง University of Campinas หรือ Unicamp ในบราซิล กล่าวว่า “จริง ๆแล้วการเผาไหม้เกิดขึ้นได้ทุกแหล่งพลังงาน เช่น รถไฟฟ้าแม้สามารถรักษาสิ่งแวดล้อมได้ อีกทั้งสะอาดและทันสมัยแต่กลับไม่มีการรณรงค์ ฉะนั้น จะทำอย่างไรให้สร้างการรับรู้ว่าพืชพลังงานและสร้างการยอมรับจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้ “การบริหารภายใต้นโยบายรัฐ บราซิลมีการบูรณาการระหว่างกระทรวงเกษตรฯและพลังงานที่ไปในทิศทางเดียวกัน สิ่งที่ไทยต้องคำนึงคือนโยบายโดยเฉพาะไทยมีวัตถุดิบอยู่แล้ว ต้องเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิตต่อไร่และกระตุ้นการใช้ให้มากขึ้น”

“บราซิลกับไทยต่างกันในแง่นโยบาย เรามี พ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทราย ทุกอย่างมีโควตา ไม่สามารถยืดหยุ่นได้ แต่บราซิลสามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอด ถึงเวลาเกิดปัญหาสามารถปรับได้ เช่น ชานอ้อยปรับค่าใช้จ่าย เทคโนโลยี ลงทุนสูง ได้หมด มองว่านโยบายเอทานอลของไทยดี มาถูกทาง แต่ปัญหาคือ เมื่อกำหนดเป็นแผนต้องทำให้ได้ด้วย เชื่อว่าจะเดินไปได้ดี เพราะอย่าลืมว่าเอทานอลเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”

ทั้งนี้ ประเทศบราซิลใช้เอทานอลเป็นเชื้อเพลิงทดแทนน้ำมันในรถยนต์มากว่า 40 ปี โดยปัจจุบันใช้อ้อยกว่า 60% หรือจำนวน 300 กว่าล้านตัน เป็นวัตถุดิบในการผลิต และบังคับใช้สัดส่วนผสมเอทานอลกับน้ำมันแก๊สโซลีน หรือเบนซิน ไม่ต่ำกว่า 25% ทำให้บราซิลมีความยืดหยุ่นในการผลิตน้ำตาล โดยเมื่อใดราคาน้ำตาลตกต่ำ แต่เอทานอลให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าก็จะนำอ้อยไปผลิตเอทานอลมากขึ้น ในทางกลับกัน หากเมื่อใดการผลิตน้ำตาลให้ผลตอบแทนมากกว่าเอทานอลก็จะนำอ้อยไปผลิตน้ำตาลเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การใช้เอทานอลในบราซิลในช่วงตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 เป็นต้นมา ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 600 ล้านตัน เทียบเท่ากับการใช้ต้นไม้จำนวนกว่า 4,000 ล้านต้น เพื่อดูดซับก๊าซดังกล่าว

มีข้อมูลว่า ปริมาณพลังงานเชื้อเพลิงชีวภาพอย่างเอทานอลในประเทศไทยปัจจุบัน มีสูงกว่าความต้องการใช้ เพราะกำลังการผลิตเอทานอลมีอยู่ประมาณ 5.8-6 ล้านลิตรต่อวัน ขณะที่การใช้อยู่ประมาณ 4-5 ล้านลิตรต่อวัน สิ่งสำคัญของการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมให้เป็นรูปธรรมนั่นคือ นโยบายพลังงานทดแทนที่ชัดเจน มากไปกว่านั้นคือการตระหนักว่าเอทานอลมีข้อดีอีกมาก ทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีความยั่งยืน หรือกองทุนรัฐให้ชัดเจน รวมถึงดึง E20 ควบคู่ไปกับต้นทุนที่เกษตรควรได้รับการอุดหนุน เพราะ 70% มาจากสินค้าเกษตร พืชเกษตร

Digital Edition

vulkan vegas, vulkan casino, vulkan vegas casino, vulkan vegas login, vulkan vegas deutschland, vulkan vegas bonus code, vulkan vegas promo code, vulkan vegas österreich, vulkan vegas erfahrung, vulkan vegas bonus code 50 freispiele, 1win, 1 win, 1win az, 1win giriş, 1win aviator, 1 win az, 1win azerbaycan, 1win yukle, pin up, pinup, pin up casino, pin-up, pinup az, pin-up casino giriş, pin-up casino, pin-up kazino, pin up azerbaycan, pin up az, mostbet, mostbet uz, mostbet skachat, mostbet apk, mostbet uz kirish, mostbet online, mostbet casino, mostbet o'ynash, mostbet uz online, most bet, mostbet, mostbet az, mostbet giriş, mostbet yukle, mostbet indir, mostbet aviator, mostbet casino, mostbet azerbaycan, mostbet yükle, mostbet qeydiyyat