International

อียิปต์รุกแข่งขันในตลาดโลก ขยายกำลังผลิตน้ำตาลสูงสุดถึง 75%

Ali El-Moselhy รัฐมนตรีกระทรวงการผลิตและการค้าภายในประเทศอียิปต์ ยืนยันว่า สามารถผลิตน้ำตาลให้เพียงพอต่อการบริโภคในประเทศได้ถึง 75% แล้ว โดยน้ำตาลถือเป็นหนึ่งในสินค้าโภคภัณฑ์ที่สำคัญที่สุดของประเทศ คำแถลงนี้มีขึ้นภายในพิธีลงนามระหว่างบริษัท Sugar and Integrated Industries Co. ซึ่งอยู่ในกลุ่มของบริษัทผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับอุตสาหกรรมอาหาร กับอีก 4 กลุ่มพันธมิตรระหว่างประเทศ ได้แก่ CEGMAN BMA Maine Capital และ Ronald Berger โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการพัฒนาเสริมสร้างความทันสมัย และการปรับโครงสร้างบริษัทขนาดใหญ่และบริษัทย่อยในประเทศ

เขากล่าวไว้ในการแถลงข่าวว่า อียิปต์กำลังจะสามารถผลิตน้ำตาลให้เพียงพอต่อการบริโภคในประเทศได้ในไม่ช้า เมื่อการก่อสร้างโรงงานผลิตน้ำตาลแห่งใหม่ๆ และการบูรณะโรงงานเดิมแล้วเสร็จลง โดยรัฐมนตรีกระทรวงการผลิตและการค้าภายในเน้นย้ำว่า เป้าหมายของการพัฒนาบริษัทน้ำตาลในอียิปต์ก็คือการสร้างความสามารถให้แก่อียิปต์ในการแข่งขันกับตลาดในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับสากล และจะไม่มีการปลดพนักงานในอุตสาหกรรมน้ำตาลออก พร้อมทั้งมีการฝึกอบรมทักษะให้ตามมาตรฐานระดับสากล

ก่อนหน้านี้ Tarek El Molla รัฐมนตรีว่าการกระทรวงปิโตรเลียมและทรัพยากรธรรมชาติ ได้ประกาศไว้ว่าอียิปต์มีแผนในการผลิตน้ำมันปิโตรเลียมให้เพียงพอต่อการบริโภคในประเทศได้ภายในปี พ.ศ. 2566 โดยระบุว่า มีปัจจัยหลายประการที่จะช่วยส่งเสริมความสามารถในการผลิตน้ำมันปิโตรเลียมให้เพียงพอต่อการบริโภคในประเทศ เช่น การก่อสร้างโรงกลั่นใหม่และการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของโรงกลั่นที่มีอยู่เดิม การควบคุมปริมาณการบริโภคในประเทศ การผลักดันนโยบายแห่งชาติว่าด้วยการดัดแปลงรถยนต์ให้ใช้เชื้อเพลิงประเภทก๊าซธรรมชาติ และการปรับปรุงโครงข่ายด้านการคมนาคม

หากดูสัดส่วนการผลิตน้ำตาลของประเทศต่างๆ ในโลกจะพบว่า บราซิลผลิตน้ำตาลคิดเป็นปริมาณ 41% และอินเดีย 8% ในขณะที่รัสเซียผลิตน้ำตาลจากหัวผักกาดหวานคิดเป็นสัดส่วน 19% ของโลก ซึ่งแอลกอฮอล์นั้นก็ผลิตมาจากการหมักน้ำตาลกับสารเร่งปฏิกิริยาที่ส่วนใหญ่นิยมใช้ยีสต์ หลังจากระบวนการหมักนั้น สารคาร์โบไฮเดรตแบบละลายน้ำได้จะแปรสภาพเป็นคาร์บอนไดออกไซด์และเอทิลแอลกอฮอล์

ประเทศอียิปต์มีกำลังการผลิตน้ำตาลอยู่ที่ 2.5 ล้านตันต่อปี แต่ความต้องการบริโภคในประเทศกลับอยู่ที่ 3.3 ล้านตัน โดยแหล่งข่าวระบุว่าความต้องการบริโภคน้ำตาลในอียิปต์กำลังเพิ่มสูงขึ้นตามจำนวนประชากรที่เติบโตราว 2 ล้านคน จึงส่งผลให้โครงการ Canal Sugar ซึ่งเป็นกิจการร่วมทุนมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐระหว่างนักลงทุนจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กับอียิปต์ ซึ่งจะเริ่มเดินสายการผลิตในปีหน้าโดยตั้งเป้าจะผลิตน้ำตาลให้เพียงพอต่อความต้องการบริโภคน้ำตาลในประเทศจากในปัจจุบัน โครงการนี้ตั้งอยู่ในเขตปกครองมิเนียของอียิปต์ โดยทางบริษัทจะผลิตน้ำตาลทรายขาวในปริมาณ 400,000 ตันต่อปี และจะเริ่มเดินสายการผลิตในปี พ.ศ. 2564

Jamal Al Ghurair กรรมการผู้จัดการของบริษัทผลิตน้ำตาลสัญชาติเอมิเรตส์อย่าง Al Khaleej Sugar และนักลงทุนชาวเอมิเรตส์รายอื่นจะถือครองหุ้นของโรงงานน้ำตาลในสัดส่วนร้อยละ 70 ส่วนหุ้นที่เหลืออีกร้อยละ 30 จะอยู่ในการถือครองของบริษัทลงทุนสัญชาติอียิปต์อย่างอัล อาฮ์ลี แอคปิตอล โฮลดิ้ง โรงงานดังกล่าวจะผลิตน้ำตาลทรายขาวในปริมาณ 900,000 เมตริกตันต่อปี การสร้างโรงงานผลิตน้ำตาลดังกล่าวจะต้องมีการเวนคืนที่ดินในทะเลทรายเป็นจำนวน 77,000 เฮกตาร์ โดยพื้นที่ 50,000 เฮกตาร์ ในจำนวนนี้จะถูกใช้สำหรับการวางโครงข่ายระบบชลประทาน

การเพาะปลูกน้ำตาลจากชูการ์บีท (Sugar beet) จะเริ่มต้นขึ้นในช่วงปลายเดือนตุลาคมเพื่อให้สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในปี พ.ศ. 2564 และเมื่อผลผลิตทั้งหมดเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว ก็จะนำชูการ์บีทที่บริษัทเพาะปลูกเองไปใช้ในการผลิตน้ำตาล ซึ่งถือเป็นสัดส่วนครึ่งหนึ่งของวัตถุดิบในการผลิต ส่วนวัตถุดิบอีกครึ่งหนึ่งจะมาจากชูการ์บีทของเกษตรกรในท้องถิ่น เป้าหมายของโครงการมิเนียฝั่งตะวันตกคือการสร้างโรงงานผลิตน้ำตาลจากชูการ์บีทขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และน้ำตาลที่ผลิตได้จะนำไปวางขายในตลาดของประเทศอียิปต์ที่กำลังประสบกับสภาวะการขาดแคลนน้ำตาลอยู่ในขณะนี้ เป้าหมายของการผลิตน้ำตาลก็คือตลาดในประเทศที่กำลังขาดแคลนน้ำตาล นี่จึงเป็นสาเหตุที่ต้องมุ่งเน้นการทำตลาดในประเทศเป็นหลักก่อน แต่ก็มีโอกาสที่จะสามารถขยายธุรกิจโดยการส่งออกน้ำตาลไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้เช่นกัน