งานวิจัย

กระบวนการทางชีวภาพสร้างผลิตผลพลอยได้มูลค่าสูงเคียงคู่เชื้อเพลิงชีวภาพ

คณะนักวิจัยประจำศูนย์นวัตกรรมพลังงานชีวภาพและผลิตภัณฑ์ชีวภาพขั้นสูง (CABBI) ได้คิดค้นกระบวนการที่สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่จากอ้อยน้ำมันเพื่อเพิ่มมูลค่าให้สูงขึ้น ตามปกติแล้วกระบวนการกลั่นทางเคมีชีวภาพจะนำอ้อยมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเชื้อเพลิงเอทานอล กล่าวคือนำต้นอ้อยมาคั้นน้ำออก และนำน้ำอ้อยไปแปรรูปเป็นเชื้อเพลิง ส่วนกากชานอ้อยที่เหลือจากการคั้นน้ำออกแล้วจะถูกนำไปเผาไหม้

อย่างไรก็ตามในงานวิจัยฉบับใหม่ที่เผยแพร่ทางวารสาร Bioresource Technology คณะนักวิจัยของ CABBI มีการคิดค้นกระบวนการทางชีวภาพที่สามารถสร้างผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงจากชานอ้อยเหลือทิ้งขึ้นมาได้ หมายความว่าต่อไปนี้อ้อยน้ำมันจะเป็นพืชที่สร้างผลิตภัณฑ์ได้หลากหลายชนิด กระบวนการนี้จะดึงประโยชน์ของอ้อยออกมา ในการเป็นแหล่งพลังงานที่ยั่งยืนเพื่อตอบสนองความต้องการ ควบคู่ไปกับการสร้างรายได้เพิ่มเติมจากผลิตภัณฑ์พลอยได้ที่เกิดขึ้น

โดยคณะนักวิจัยได้ทำการทดลองกับอ้อยน้ำมันที่เกิดจากการดัดแปลงพันธุกรรมของอ้อย มีคุณสมบัติในการกักเก็บไขมันไว้ที่เนื้อเยื่อเพื่อให้สามารถคืนสภาพไขมันพืชและแอนโทไซยานิน (สารให้สีตามธรรมชาติ) ขณะผ่านกระบวนการแปรรูปทางชีวภาพได้

ศิวลี บาเนอร์จี ผู้จัดทำงานวิจัยลำดับแรกและเป็นนักวิจัยหลังปริญญาเอกประจำภาควิชาวิศวกรรมการเกษตรและชีววิทยาของมหาวิทยาลัยอิลลินอย เออร์แบนา-แชมเปญจน์ อธิบายไว้ว่า

“คณะผู้วิจัยทำการวิเคราะห์องค์ประกอบของอ้อยน้ำมันก่อนแล้วเลือกส่วนที่มีมูลค่ามากที่สุด และคิดค้นกระบวนการที่สามารถคืนสภาพให้กับผลิตผลมูลค่าสูงควบคู่ไปกับการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพได้”

แอนโทไซยานินเป็นสารที่ก่อให้เกิดสีในผลไม้ ผัก ธัญพืช และดอกไม้ต่าง ๆ มีการนำมาใช้เป็นสารแต่งสีธรรมชาติอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง อาหาร ยารักษาโรค รวมถึงสิ่งทอ และนับว่ามีความปลอดภัยกว่าการใช้สีสังเคราะห์ที่เป็นสารเคมี

แต่ว่าต้นทุนการผลิตและนำสารแต่งสีธรรมชาติกลับมาใช้ใหม่มักจะสูงกว่าสารแต่งสีสังเคราะห์ เนื่องจากพืชที่อุดมด้วยสารแอนโทไซยานินอย่างเช่นตระกูลเบอร์รี่และกะหล่ำแดง ต่างเป็นที่ต้องการสูงในตลาดอาหาร ดังนั้นการหันไปสกัดแอนโทไซยานินจากชานอ้อยน้ำมันแทนจะสามารถผลิตเป็นสารแต่งสีธรรมชาติได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำลงและไม่กระทบวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตอาหารอีกด้วย ในประเด็นนี้ Banerjee กล่าวเสริมอีกว่า

“เรื่องนี้เป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย เพราะนอกจากสารแต่งสีธรรมชาติแล้ว เรายังสามารถสกัดไขมันพืชกับน้ำตาลที่ใช้ในกระบวนการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพได้จากอ้อยน้ำมันในที่เดียว”

พันธกิจด้านพลังงานชีวภาพของ CABBI คือการพัฒนาแนวทางเพาะปลูกพืชพลังงานชีวภาพอย่างคุ้มค่า ตลอดจนการแปรรูปชีวมวลให้เป็นสารเคมีมูลค่าสูง รวมไปถึงสร้างการตลาดให้กับเชื้อเพลิงชีวภาพและผลิตผลพลอยได้จากกระบวนการการผลิต ในแง่ของเศรษฐศาสตร์แล้ว การผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพด้วยต้นทุนที่ต่ำถือเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นการได้ผลิตผลพลอยได้มูลค่าสูงจากพืชที่ใช้ในกระบวนการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพจะส่งผลให้เกิดความคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น

ด้าน วีเจย์ ซิงห์ หัวหน้าคณะผู้วิจัยซึ่งดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการฝ่ายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศาสตราจารย์กิตติคุณและผู้ก่อตั้งภาควิชาวิศวกรรมการเกษตรและชีววิทยา (ABE) และกรรมการบริหารห้องปฏิบัติการวิจัยชีวกระบวนการเชิงบูรณาการ (IBRL) แห่งมหาวิทยาลัยอิลลินอยระบุว่า

“การแปรสภาพองค์ประกอบชีวมวลทั้งหมดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ถือเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนากระบวนการกลั่นทางเคมีชีวภาพที่สามารถสร้างผลกำไรได้”

จากเดิมที่พืชพลังงานชีวภาพเหล่านี้ให้ผลผลิตในปริมาณสูงอยู่แล้ว การเพิ่มกระบวนการกลั่นทางเคมีชีวภาพแบบใหม่นี้เข้าไปเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์สูงสุดจากชานอ้อย จะเข้ามาเสริมสร้างโอกาสใหม่จากการสร้างผลิตผลพลอยได้ของพืชผลทางการเกษตรให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ตามที่ Banerjee กล่าวไว้ว่า

“กระบวนการนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับพืชอื่น ๆ ของ CABBI ได้เช่นเดียวกัน การพัฒนากระบวนการกลั่นทางเคมีชีวภาพเพื่อสร้างผลิตผลพลอยได้ทางการเกษตรซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดการลดขยะให้เป็นศูนย์ถือเป็นวาระเร่งด่วน และเป็นกุญแจในการก้าวข้ามอุปสรรคไปสู่การสร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนที่มีความยั่งยืน”

คณะผู้วิจัยยังประกอบไปด้วย คริสเตน เอลท์ส นักวิจัยชำนาญการประจำห้องปฏิบัติการภาควิชาวิศวกรรมการเกษตรและชีววิทยาแห่งมหาวิทยาลัยอิลลินอย และ กาลิต บราจา ผู้เข้าร่วมโครงการวิจัยฝึกหัดด้านพลังงานชีวภาพเพื่อความยั่งยืน (RISE) ของ CABBI ในมหาวิทยาลัยอิลลินอย

ในระหว่างเข้าร่วมโครงการ RISE ของ CABBI บราจาได้รับการฝึกฝนให้ทำการทดลองสกัดสารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อนำสารแต่งสีธรรมชาติที่ได้จากพืชพลังงานชีวภาพกลับมาใช้ใหม่ โดยได้ทำการคำนวณเพื่อหาค่าประมาณความเข้มข้นของแอนโทไซยานินทั้งหมดในชานอ้อยน้ำมันและมีส่วนร่วมในการพัฒนากระบวนการสกัดสารแต่งสีธรรมชาติและไขมันพืช ซึ่งบราจาเล่าให้ฟังว่า

“ดิฉันจะไม่ลืมประสบการณ์ที่ได้จากการฝึกงานกับ CABBI เลยค่ะ ดิฉันได้เรียนรู้ขั้นตอนมากมายของกระบวนการวิจัยและได้พัฒนาทักษะในห้องปฏิบัติการ อีกทั้งยังได้ค้นพบว่าตัวเองต้องการก้าวเข้าไปในสายอาชีพไหนและมีความสนใจในด้านใด นอกจากนี้ยังได้รับความรู้มากมายจากสุดยอดอาจารย์ศิวลีของฉันด้วยค่ะ”

ตลอดระยะเวลาที่เข้าร่วมโครงการ RISE บราจาได้อุทิศตนให้กับงานวิจัยฉบับนี้ด้วยการวิเคราะห์องค์ประกอบของของอ้อยน้ำมัน การสกัดสารแต่งสี และการคืนสภาพไขมันพืช รวมถึงได้พัฒนาทักษะในการสื่อสารเชิงวิทยาศาสตร์จากการจัดทำต้นฉบับงานวิจัยและการนำเสนอข้อมูลการทดลอง

vulkan vegas, vulkan casino, vulkan vegas casino, vulkan vegas login, vulkan vegas deutschland, vulkan vegas bonus code, vulkan vegas promo code, vulkan vegas österreich, vulkan vegas erfahrung, vulkan vegas bonus code 50 freispiele, 1win, 1 win, 1win az, 1win giriş, 1win aviator, 1 win az, 1win azerbaycan, 1win yukle, pin up, pinup, pin up casino, pin-up, pinup az, pin-up casino giriş, pin-up casino, pin-up kazino, pin up azerbaycan, pin up az, mostbet, mostbet uz, mostbet skachat, mostbet apk, mostbet uz kirish, mostbet online, mostbet casino, mostbet o'ynash, mostbet uz online, most bet, mostbet, mostbet az, mostbet giriş, mostbet yukle, mostbet indir, mostbet aviator, mostbet casino, mostbet azerbaycan, mostbet yükle, mostbet qeydiyyat