อินเดียนำเทรนด์การผลิตเอทานอลในเอเชีย เติบโตต่อเนื่องรับกระแสรักษ์สิ่งแวดล้อม
อุตสาหกรรมเอทานอลในเอเชียกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดย อินเดีย ก้าวขึ้นเป็นผู้นำ ด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตและสร้างโรงงานใหม่หลายแห่ง พร้อมอาศัยความแข็งแกร่งจากภาคการเกษตรภายในประเทศ ขณะที่ประเทศอื่น ๆ อาทิ เกาหลีใต้ มาเลเซีย และจีน ต่างเร่งพัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพอย่างยั่งยืนเพื่อรองรับความต้องการในอนาคต
แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญในตลาดคาดการณ์ว่า ตลาดเอทานอลเชื้อเพลิงในเอเชียจะทรงตัวในปี 2025 แต่ด้วยความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นและนโยบายสนับสนุนการใช้เอทานอลในภูมิภาค คาดว่าจะส่งผลบวกต่อผู้ผลิตและผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
อินเดียเดินหน้าขยายกำลังผลิตเอทานอลเต็มกำลัง
อินเดียมีความเคลื่อนไหวที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมเอทานอล โดยล่าสุด บริษัทน้ำมันของรัฐ (Oil Marketing Companies) ได้ประกาศประมูลจัดซื้อเอทานอลปริมาณ 880 ล้านลิตร สำหรับไตรมาสที่ 4 ของฤดูกาลปี 2567/2568 ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยเน้นให้ โรงงานน้ำตาลแบบสหกรณ์ เป็นผู้จัดส่งหลัก

ทั้งนี้ รัฐพิหาร (Bihar) ของอินเดีย ยังเตรียมเปิด โรงงานเอทานอลใหม่ 9 แห่ง ภายในปี 2026 ซึ่งจะช่วยสร้างงานมากถึง 50,000 ตำแหน่ง และสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยและข้าวโพด ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตเอทานอล

อีกหนึ่งโครงการสำคัญ คือ โรงงานเอทานอลรุ่นที่ 4 (4G) แห่งแรกของอินเดีย ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง Spray Engineering Devices Limited และ Jakson Greene โดยใช้เทคโนโลยีการหมักก๊าซของ LanzaTech เพื่อเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซไฮโดรเจนสีเขียว (Green Hydrogen) เป็นเชื้อเพลิงชีวภาพอย่างยั่งยืน
ในด้านนโยบาย รัฐบาลอินเดียเริ่มพัฒนา เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดสายพันธุ์ใหม่สำหรับผลิตเอทานอล โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ได้พันธุ์ข้าวโพดที่สามารถสกัดเอทานอลได้สูงถึง 41-42% คาดว่า สถาบันวิจัยข้าวโพดแห่งอินเดีย (Indian Institute for Maize Research) จะสามารถพัฒนาพันธุ์ดังกล่าวได้ภายในไม่กี่ปี
นอกจากนี้ ในรัฐ อัสสัม (Assam) บริษัท Assam Bio Ethanol กำลังพัฒนาห่วงโซ่อุปทานครบวงจร เพื่อจัดหาไม้ไผ่จาก 18 เขต สำหรับใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเอทานอล โดยจะมีการแปรรูปไม้ไผ่เป็นชิ้นขนาด 1 ตารางนิ้ว ก่อนส่งเข้าสู่กระบวนการผลิต
ความเคลื่อนไหวในประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย
เกาหลีใต้: บริษัท SK Energy ประสบความสำเร็จในการส่งออก เชื้อเพลิงการบินอย่างยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel – SAF) ไปยังยุโรป ถือเป็นครั้งแรกของบริษัทกลั่นน้ำมันจากเกาหลีใต้ และใช้เวลาผลิตเชิงพาณิชย์เพียง 4 เดือน ก่อนเริ่มส่งออก
ปากีสถาน: บริษัท Comstock Fuels และ Gresham’s Eastern บริษัทด้านวิศวกรรมและพลังงาน ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือเพื่อให้ Gresham’s Eastern ได้สิทธิ์พัฒนาโครงการผลิต SAF และเชื้อเพลิงชีวภาพอื่น ๆ โดยใช้เทคโนโลยีชีวมวลลิกโนเซลลูโลส (Lignocellulosic Biomass) ของ Comstock Fuels
มาเลเซีย: บริษัท Samsung EA ได้รับสัญญาสร้าง โรงกลั่นชีวภาพ (Biorefinery) ขนาดใหญ่ เพื่อผลิต SAF และเชื้อเพลิงชีวภาพอื่น ๆ รองรับความต้องการในอุตสาหกรรมการบินและขนส่ง

จีน: รายงานระบุว่ามี 12 เที่ยวบินจาก 4 สนามบิน ที่เริ่มใช้ SAF ในระยะแรก โดยจีนสามารถผลิต SAF ได้ราว 350,000 ตันต่อปี จาก น้ำมันใช้แล้ว (Used Cooking Oil) ทั้งยังตั้งเป้าเพิ่มกำลังผลิตอีก 10 เท่า พร้อมนโยบายบังคับผสม SAF 15% ภายในปี 2573
แนวโน้มตลาดเอทานอลในเอเชียปี 2568
ตลาดเอทานอลในเอเชียยังมีแนวโน้มเติบโต โดยเฉพาะใน ฟิลิปปินส์ ซึ่งประกาศนโยบายบังคับผสมเอทานอล 20% ทำให้คาดว่าจะมีการนำเข้าเอทานอลจากสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่องในปี 2568
ขณะเดียวกัน ราคาตลาดเอทานอลของสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในปี 2568 ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาตลาดในเอเชียปรับตัวตาม และกระตุ้นให้เกิดการผลิตในประเทศมากยิ่งขึ้น