ราคาน้ำตาลปรับตัวลดลง จากแนวโน้มผลผลิตน้ำตาลในบราซิลที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์
เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ราคาน้ำตาลลดลงเล็กน้อยและถูกดันหลังจากบริษัทผู้ค้าน้ำตาล Czarnikow คาดการณ์ว่าผลผลิตน้ำตาลของบราซิลปี 2568/2569 จะสูงขึ้น 43.6 ล้านเมตริกตัน และระบุว่าการผลิตน้ำตาลได้กำไรมากกว่าการผลิตเอทานอล อีกทั้งราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนครึ่งทำให้ราคาน้ำตาลลดลง และราคาเอทานอลที่อ่อนตัวลงอาจเป็นเหตุให้โรงงานน้ำตาลทั่วโลกใช้อ้อยผลิตน้ำตาลแทนการผลิตเอทานอล ส่งผลให้มีปริมาณน้ำตาลเพิ่มขึ้น
เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ราคาน้ำตาลขยับขึ้นสูงสุดในรอบ 2 เดือนครึ่งต่อเนื่องจากเดือน ม.ค. อย่างรวดเร็ว และค่าเงินเรียลบราซิลที่พุ่งขึ้นกลางเดือน ธ.ค. – ก.พ. ทำให้ผู้ผลิตในบราซิลไม่มีแรงจูงใจในการส่งออกและเป็นปัจจัยบวกต่อราคาน้ำตาล ที่ผ่านมาค่าเงินเรียลบราซิลปรับตัวลงเล็กน้อยต่ำกว่าระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ
ราคาน้ำตาลได้แรงหนุนจากข่าวเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ว่าผลผลิตน้ำตาลอินเดียลดลง 12% เมื่อเทียบกับปี 2567 เพียง 19.7 ล้านเมตริกตันตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ถึง 15 ก.พ. ตามรายงานของ ISMA เมื่อวันที่ 13 ก.พ. บริษัทผู้ค้าน้ำตาลรายใหญ่ของโลกเผยว่า ปริมาณน้ำฝนที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในบราซิลทำให้อ้อยในบางพื้นที่ไม่เติบโต และหากปริมาณยังน้อยต่อไป การเก็บเกี่ยวอ้อยในเดือน เม.ย. จะล่าช้าออกไป ทำให้การผลิตน้ำตาลได้รับผลกระทบ
ด้วยปัจจัยด้านลบ รัฐบาลอินเดียออกแถลงให้ส่งออกน้ำตาลได้ 1 ล้านเมตริกตันในฤดูกาลนี้ ถือเป็นการผ่อนปรนข้อจำกัดในการส่งออกเมื่อปี 2566 ที่จำกัดการส่งออกตั้งแต่เดือน ต.ค. เพื่อให้น้ำตาลในประเทศมีเพียงพอ ซึ่งส่งออกได้เพียง 6.1 ล้านเมตริกตันในปี 2565/2566 จาก 11.1 ล้านเมตริกตันในฤดูกาลก่อนหน้า ทว่า ISMA คาดการณ์ว่าการผลิตน้ำตาลของอินเดียในปี 2567/2568 จะลดลง 15% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เหลือ 27.27 ล้านเมตริกตัน ซึ่งต่ำสุดในรอบ 5 ปี
การผลิตน้ำตาลของไทยที่เพิ่มขึ้นมีแนวโน้มให้ราคาน้ำตาลตกต่ำ ซึ่งสอน. คาดว่าการผลิตน้ำตาลของไทยปี 2567/2568 จะเพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วถึง 10.35 ล้านเมตริกตัน โดยในปี 2566/2567 ที่สิ้นสุดในเดือน เม.ย. ไทยผลิตน้ำตาลได้ 8.77 ล้านเมตริกตัน ซึ่งไทยถือเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่อันดับ 3 ของโลกและส่งออกน้ำตาลรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก
ภัยแล้งและอากาศที่ร้อนในปี 2567 ทำให้เกิดไฟไหม้ในบราซิล ส่งผลต่อพืชที่ให้น้ำตาลในรัฐเซาเปาโลที่ผลิตน้ำตาลได้มากที่สุดได้รับความเสียหาย คณะผู้เชี่ยวชาญสินค้าการเกษตรระบุว่าอาจสูญเสียอ้อยไปมากถึง 5 ล้านเมตริกตัน และบริษัทการผลิตแห่งชาติบราซิลคาดว่าการผลิตน้ำตาลของบราซิลในปี 2567/2568 อาจลดลงเหลือเพียง 44 ล้านเมตริกตันจากการคาดการณ์ครั้งก่อนที่ 46 ล้านเมตริกตัน และสมาพันธ์อุตสาหกรรมอ้อยแห่งประเทศบราซิลรายงานว่าผลผลิตน้ำตาลสะสมในปี 2567/2568 ของภาคกลางและใต้ลดลง 5.6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วเหลือเพียง 39.812 ล้านเมตริกตัน
กรมวิชาการเกษตรสหรัฐอเมริกาคาดการณ์ในรายงานที่เผยแพร่เมื่อ 2 ปีที่แล้วว่าการผลิตน้ำตาลทั่วโลกในปี 2567/2568 จะเพิ่มขึ้น 1.5% สู่ระดับสูงสุดที่ 186.619 ล้านเมตริกตัน การบริโภคทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 1.2% สู่ระดับสูงสุดที่ 179.63 ล้านเมตริกตัน และสต็อกน้ำตาลทั่วโลกจะลดลง 6.1% โดยมีปริมาณเพียง 45.427 ล้านเมตริกตันเท่านั้น
ในขณะเดียวกัน องค์การน้ำตาลระหว่างประเทศคาดการณ์ว่าตลาดน้ำตาลโลกในปี 2567/2568 จะขาดดุล 2.51 ล้านเมตริกตัน แสดงให้เห็นว่าตลาดตึงตัวขึ้นหลังปี 2566/2567 เกินดุล 1.31 ล้านเมตริกตัน และเมื่อวันที่ 5 ก.พ. คณะผู้เชี่ยวชาญสินค้าการเกษตรคาดการณ์ว่าตลาดโลกจะเปลี่ยนเป็นเกินดุล 2.7 ล้านเมตริกตันในปีเพาะปลูก 2568/2569 จากการประมาณการว่าขาดดุล 3.7 ล้านเมตริกตันในปี 67/68