การเปลี่ยนแปลงภาคเกษตรกรรมของไทย นวัตกรรมและความยั่งยืนแห่งอนาคต
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวในงาน “Go Thailand 2025 : Women Run the World” 45 ปี ฐานเศรษฐกิจ ณ TRUE ICON HALL ศูนย์การค้า ICON SIAM ในหัวข้อเกษตรไทยผงาดตลาดโลก ว่าประเทศไทยเรามีความสมบูรณ์ในทางอาหารและสามารถส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ได้ไม่ดูจากองค์กรในระดับนานาชาติที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของอาหาร และการเกษตรที่มีการมาตั้งสำนักงานภูมิภาคในประเทศไทยครบทุกองค์กร
รวมทั้งกองทุนเพื่อการพัฒนานานาชาติเพื่อการเกษตรที่ได้เข้ามาตั้งในประเทศไทยล่าสุดซึ่งสะท้อนถึงความพร้อมในประเทศไทย ที่มีความพร้อมทั้งเรื่องของต้นน้ำกลางน้ำ และปลายน้ำในเรื่องของการเกษตร
นอกจากนั้นนายกฯ ยังพูดเรื่องของซอฟต์พาวเวอร์ที่เกี่ยวกับเรื่องของอาหารซึ่งทำให้ประเทศไทยมีบทบาทในเวทีโลกมากขึ้นในแต่ละปีประเทศไทยส่งสินค้าเกษตรที่ยังไม่ได้แปรรูปเราส่งออกเป็นลำดับ 15 ของโลก โดยเราเกินดุลสินค้าเกษตรกว่า 1 ล้านล้านบาท และเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี
โดยเราส่งออกไปมากที่สุดห้าอันดับแรก ได้แก่ ประเทศจีนสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น มาเลเซีย และอินโดนีเซีย โดยสินค้าเกษตรที่เราส่งออกไปมากที่สุดห้าอันดับแรกคือ ข้าว เนื้อไก่ ทุเรียน ยางพารา และอาหารเลี้ยงสัตว์ ซึ่งเราหวังว่าเราจะขยับขึ้นไปเรื่อยๆ ทั้งมูลค่า และปริมาณ โดยใช้การตลาดนำ
โดยมี 3 นโยบายที่กระทรวงเกษตร จะเดินหน้าต่อตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีในการเพิ่มมูลค่าการเกษตร
1. ทำเกษตรมูลค่าสูงในสามพืช ได้แก่ กาแฟคุณภาพ โกโก้ ถั่วเหลือง โดยในปี 2569 ได้ของบประมาณในทำเรื่องนี้
2.เกษตรยั่งยืน เช่น การทำข้าวคาร์บอนต่ำ 10 ล้านไร่ต่อปี เช่น การปลูกข้าวเปียกสลับแห้ง ที่ลดการใช้น้ำ ลดการปล่อยคาร์บอน และเพิ่มผลผลิต นอกจากในเรื่องของประชากรสูงวัย ที่ต้องมีการดึงแรงงานรุ่นใหม่เข้าในภาคเกษตรมากขึ้น
3.ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนำมาเทคโนโลยี นวัตกรรมต่างๆ เข้ามาเพื่อช่วยเหลือให้เกษตรกรในประเทศสามารถเพิ่มผลผลิต และมีรายได้เพิ่มขึ้นได้
นอกจากนี้จะเพิ่มพื้นที่ชลประทานในพื้นที่เพาะปลูกในภาคอีสานที่ปัจจุบันมีประมาณ 60,000,000 ไร่ แต่มีพื้นที่ชลประทานเพียง 10% เท่านั้นงบประมาณยังมีไม่เพียงพอ ดังนั้นเราจึงต้องขยายพื้นที่ชลประทานให้มากขึ้นในภาคอีสาน ซึ่งกระทรวงเกษตรถือว่าเป็นภารกิจที่ต้องดำเนินการต่อไปด้วย
